การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ซึ่ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะรวม 165 คน ยื่นเสนอ
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวเปิดญัตติ ซึ่งเป็นไปตามเนื้อหาที่เสนอญัตติไว้เมื่อ 27 ก.พ.โดยย้ำถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะ ความรู้ความสามารถและเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน
ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า “จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่รับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่สัญญาไว้ เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนของกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด ล้มเหลว ยอมให้บุคคลในครอบครัวชี้นำ ชักจูงให้ทำหรืองดเว้นการกระทำที่เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกหุ่นเชิด โดยมีบุคคลในครอบครัวเป็นนายกฯตัวจริงที่ไม่รับผิดชอบการใช้อำนาจ”
รัฐบาลชุดนี้ เริ่มต้น ดำรงอยู่ และเดินหน้าต่อ เพื่อให้เกิดดีลแลกประเทศ ที่คนตระกูลชินวัตรและครอบครัว ยึดเป็นแกนกลาง และมีกลุ่มผลประโยชน์เป็นแกนรอง ส่วนผลประโยชน์ของประเทศไว้พูดตอนจะเลือกตั้ง จริงๆแล้วรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นนั่งร้านให้ใคร แต่หลอมรวมกลายเป็นพวกเดียวกันหมดแล้ว ทำงานร่วมกัน หัวเราะกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เกี่ยวกับเจเนอเรชั่นหรือภูมิหลัง
— ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กล่าว

“ใช้วิธีจัดการผลประโยชน์เหมือนกัน ต่อรองผ่านสนามกอล์ฟ ใช้อำนาจเปลี่ยนดำเป็นขาว รู้ช่องทางหากินผ่านระบบราชการ เรียกได้ว่านายกฯ และ ครม. และพรรคร่วมรัฐบาล รู้ภาษาเดียวกัน เล่นเกมเดียวกันมาตั้งแต่แรก“
ณัฐพงษ์ อภิปรายอีกว่า ดีลแลกประเทศ ไม่ใช่แค่เรื่องที่ ทักษิณ กลับบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการแลกดีลผลประโยชน์มหาศาล ดูเผินๆรัฐบาลชุดนี้อาจได้ประโยชน์ดีกว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ 2 ปีที่ผ่านมากลับเสียมากกว่าเดิม การตั้งอยู่ของรัฐบาล แพทองธาร โดยเฉพาะเรื่องการเมือง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาธิปไตยประเทศถดถอย ซึ่งคะแนนวัดอันดับทางการเมืองตกต่ำลง จัดอยู่ในกลุ่มประชาธิปไตยบกพร่อง แก้รัฐธรรมนูญไม่คืบหน้า และถูกนานาชาติประณามเพราะส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน”

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยังอภิปรายพาดพิงอีกหลายประเด็นทั้งระบบกระบวนยุติธรรม ที่พาบิดานายกรัฐมนตรีกลับบ้าน และกล่าวถึงนายทุนใหญ่ โดยอ้างว่า มีการแลกดีลสัมปทานกันผ่านการตีกอล์ฟ รวมทั้งยังระบุถึงสถานการณ์ระหว่างประเทศ และโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
“นอกจากนั้นในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีฉันทามติ แต่แพทองธาร ตอกฝาโลงเรียบร้อยว่าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทัน ที่คุยกันในรัฐสภาเป็นละครปาหี่ ที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ต้องให้แก้ไข ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียประโยชน์ ต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
“การแจกเงินหมื่นไม่สร้างการเติบโตเศรษฐกิจไทย การสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เห็นชัดล่วงหน้าว่าจะมีกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาลที่ได้รับประโยชน์ เป็นการสูญเสียโอกาสของคนไทยที่ได้รัฐบาลคิดไปทำไป ดีลแลกประเทศมีคนไม่ถึง 1% ได้รับผลประโยชน์ แม้จะทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ตกต่ำยิ่งกว่ารัฐบาลของ คสช. ซึ่งอนาคตมีสิ่งที่ประเทศไทยต้องจ่ายมหาศาล ทั้งนี้สิ่งที่เราได้รับคือ พวกเราอ่อนแอ ไม่กล้าหวังอนาคตที่ดีกว่า ทั้งนี้การจัดตั้งรัฐบาลของดีลแลกประเทศ ทำให้ได้พรรคร่วมคณะรัฐประหาร หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จึงไม่อาจไว้วางใจได้” ณัฐพงษ์ กล่าว