ไม่ยุบ(สภา) ไม่ซัก(ฟอก) ไม่คว่ำ(รธน.) - สัญญาสุภาพบุรุษ ‘ส้ม-น้ำเงิน’

23 ต.ค. 2568 - 12:24

  • การเมือง 3 ก๊ก ‘พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย-เพื่อไทย’ ภายหลัง ‘ขั้วส้ม’ ดีล ‘ขั้วน้ำเงิน’ ยอมกลืนเลือด โหวต ‘อนุทิน’ เป็น นายกฯ แลกกับแก้ รธน. สุดท้าย MOA ภท.-ปชน. จะถูกฉีกหรือไม่ ?

  • ว่ากันว่ามี ‘สัญญาสุภาพบุรุษ’ ของทั้ง ปชน.-ภท. ที่ ‘คำไหนคำนั้น’ สยบข่าว ‘อนุทิน’ จะชิง ‘ยุบสภา’ หนี ‘ซักฟอก’ หาก ‘เพื่อไทย’ ยื่นกลาง ธ.ค.68 สุดท้ายเชื่อกันว่า ‘อนุทิน’ จะไม่ชิงยุบสภา และร่างแก้ไข รธน. ก็จะผ่านสภาฯ วาระ 3 เพราะ ?

ไม่ยุบ(สภา) ไม่ซัก(ฟอก) ไม่คว่ำ(รธน.) - สัญญาสุภาพบุรุษ ‘ส้ม-น้ำเงิน’

หลังมีกระแสข่าว ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’นายกฯ อาจชิง ‘ยุบสภา’ หนี ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ-ซักฟอก’ หาก ‘พรรคเพื่อไทย’ ยื่นญัตติ เปิดสมัยประชุมครั้งหน้า กลาง ธ.ค.68 โดยบีบ ‘พรรคประชาชน’ ให้มาร่วมโหวตล้ม ‘รบ.อนุทิน’ ท่ามกลางครหา ‘ฝ่ายค้ำ’ ไม่ใช่ ‘ฝ่ายค้าน’

โดย ‘รบ.อนุทิน’ กำลังเจอมรสุม ‘สแกมเมอร์’ มีการมองว่า ‘เพื่อไทย’ อาจ ‘หยิกเล็กเจ็บเนื้อ’ หากผสมโรงมรสุมของ ภท. ในขณะนี้ ทำให้เรื่องที่ ‘เพื่อไทย’ จะยื่นซักฟอกยังนิ่ง ไม่มีความคืบหน้าชัดเจน

แม้ว่า ‘อนุทิน’ จะระบุเรื่อง ‘ยุบสภา’ ว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” พร้อมย้ำว่าเป็นอำนาจ นายกฯ ในการตัดสินใจ

“ถ้าผมอยากจะหนี ผมก็หนี ถ้าผมอยากจะอยู่ ผมก็อยู่ เพราะผมรู้ว่าวันสุดท้ายของผม ถึงวันไหน แต่ถ้าเกิดดูแล้วมันไม่ไหว มันก็มีอำนาจของความเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่“ อนุทิน กล่าว 20ต.ค.68

ซึ่งการ ‘ยุบสภา’ ก็จะทำให้ ‘ร่างแก้ไข รธน.’ ที่ผ่านวาระ 1 ของรัฐสภา เข้าสู่ชั้น ‘กรรมาธิการ’ เพื่อเข้าสู่วาระ 2-3 ของรัฐสภา ถูก ‘คว่ำ’ ไปด้วย ภายใต้สภาวะการเมือง 3 ก๊ก ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พรรคประชาชน’ จะ ‘ต่อรอง-ตั้งเงื่อนไข’ กันอย่างไร สุดท้าย MOA ระหว่าง ภท.-ปชน. จะถูกฉีกหรือไม่ ?

ว่ากันว่าในฝั่ง ปชน. ก็มั่นใจว่า ภท. จะไม่ ‘ยุบสภา’ ก่อนกำหนด 4 เดือน โดยจะยุบตามไทม์ไลน์ที่ประกาศไว้ คือ 31 ม.ค.69 และเชื่อว่าร่างแก้ไข รธน. จะผ่านถึงวาระ 3 ไม่ล่มกลางทาง แต่ก็ต้องดูท่าที ‘เพื่อไทย’ ระหว่างทางจะเป็นอย่างไร

หากอ่านใจ ‘เพื่อไทย’ ก็ต้องการแก้ รธน.60 เพราะเจอ ‘อิทธิฤทธิ์’ ของ รธน.60 ทำให้ 2 นายกฯ ‘เศรษฐา-แพทองธาร’ ต้องพ้นเก้าอี้ไป อีกทั้ง ‘เพื่อไทย’ ก็ยากจะฝ่าครหา หากทำให้ร่างแก้ไข รธน. ต้องโดนคว่ำไป เล่นเกมบีบ ภท. จนถึงทางตัน และสร้างเกมบีบ ปชน. ให้ต้องเลือกบนทางแพร่ง ซึ่งย่อมส่งผลต่อกระแสมวลชน

ด้วยเป้าหมายสูงสุดของ ปชน. คือ ‘แก้ไข รธน.’ ทำให้ต้องยอม ‘กลืนเลือด’ โหวต ‘อนุทิน’ เป็น นายกฯ ที่ทำให้ ปชน. เสียรังวัดจาก ‘แฟนคลับ-ฐานเสียง’ พอสมควร แต่ฝั่ง ‘ขั้วส้ม’ ก็ยังเชื่อลึกๆว่า ถ้าการแก้ไข รธน. สำเร็จ มวลชนที่ผิดหวัง ก็จะเข้าใจ ปชน. มากขึ้น

ซึ่ง ปชน. ยังมีภารกิจต่อเนื่อง คือ ในขั้นตอนการทำ ‘ประชามติ’ จะต้องทำให้ ‘เห็นชอบ’ ทั้ง 2 ส่วน คือ เห็นชอบกับการมี รธน. ฉบับใหม่หรือไม่ , เห็นชอบร่างแก้ไขที่สภาโหวตวาระ 3 หรือไม่ ซึ่ง ปชน. ก็ต้อง ‘ออกแรง’ มากในการรณรงค์ ‘ประชามติ’ ถ้าไปถึงขั้นตอนนั้น เพราะท่าที ‘พรรคอื่น’ ที่ผ่านมา ก็ไม่จริงจัง เรื่องแก้ รธน.60 หากย้อนไปในอดีต ได้แก้เพียง ‘รายมาตรา’ เรื่องบัตรเลือกตั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการที่ ปชน. โหวต ‘อนุทิน’ เป็น นายกฯ มีการ ‘มองข้ามช็อต’ ว่าเป็นการ ‘เกี่ยวดอง’ เพื่อตั้ง ‘รัฐบาล’ ร่วมกันในอนาคตหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น เท่ากับว่า ‘ขั้วส้ม’ จะเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ 10 ปี นับตั้งแต่ตั้ง ‘พรรคอนาคตใหม่’ ขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ต้องดูที่ ‘ผลเลือกตั้ง’ ทำให้ฝั่ง ปชน. ก็ต้องสู้เต็มที่ ให้คะแนนมาลำดับที่ 1 เพื่อกำหนดเกมอีกครั้ง ผ่านบทเรียนปี 66

แม้ ปชน.-พท. จะมีเคมีทาง ‘อุดมการณ์การเมือง’ ไปทางเดียวกัน แต่ระหว่างทาง ‘ขั้วแดง-ส้ม’ ก็มี ‘บาดแผล’ ต่อกันไม่น้อย ทำให้ ปชน. ไปเปิด ‘ดีลใหม่’ กับฝั่ง ภท. ที่ ‘คุยง่าย-เห็นผล’ มากกว่า ผ่านเส้นทางการเมือง 6-7 ปี ของ ‘ขั้วสีส้ม’ ก็มี ‘ชั้นเชิงการเมือง’ หรือมีความเป็น ‘นักการเมือง’ มากขึ้น

สุดท้าย ‘ขั้วอนุรักษนิยม’ จะไว้ใจ ‘พรรคส้ม’ ในการเข้ามา ‘แชร์อำนาจ’ เป็น ‘รัฐบาล’ หรือไม่ ไม่ต้องเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ จนครบ 10 ปี ยังคงเป็น ‘โจทย์’ ที่จะเห็น ‘คำตอบ’ เมื่อถึงเวลาแล้วเท่านั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์