‘กต.’ เชิญ ‘รัฐภาคีออตตาวา’ ราว 70 คน รับฟังความจริง ‘กัมพูชา’ ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

15 ส.ค. 2568 - 04:05

  • ‘กต.’ เชิญ ‘รัฐภาคีออตตาวา’ ราว 70 คน รับฟังความจริง ‘กัมพูชา’ ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำ ‘ทหารไทย’

  • พบเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังด้วย หลังก่อนหน้านี้ ประเทศไทยได้ขับทูตกัมพูชาฯ กลับประเทศไปแล้ว

  • กต.’ เชิญรัฐภาคีออตตาวาลงพื้นที่ชายแดนฯ ดูสถานการณ์จริงวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ‘มาริษ’ ย้ำ ‘ฮุน มาเนต’ ขัดขวางกวาดล้างทุ่นระเบิด ขอผู้บริจาคทุนให้ ‘กัมพูชา’ และนานาชาติ ช่วยกดดันให้ ‘กัมพูชา’ หยุดใช้ทุ่นระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม

‘กต.’ เชิญ ‘รัฐภาคีออตตาวา’ ราว 70 คน รับฟังความจริง ‘กัมพูชา’ ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดการบรรยายสรุปแก่ คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ภายหลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนขาขาด โดยมีผู้เข้าร่วม 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ 

ทั้งนี้ การบรรยายเป็นไปด้วยความราบรื่น ผู้เข้าร่วมประชุมต่างให้ความสนใจ โดย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศได้อัดคลิปวิดีโอเปิดประชุมว่า เสียดายที่ไม่สามารถมาร่วมการบรรยายสรุปด้วยตัวเองได้ เนื่องจากติดภารกิจเยือนประเทศจีน เพื่อเป็นประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ซึ่งการบรรยายสรุปในวันนี้จะมุ่งเน้นที่สถานการณ์ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา 

วัตถุประสงค์ของการบรรยายสรุป คือ เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ทุ่นระเบิด แก่ประเทศสำคัญ ๆ และองค์กรระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ตลอดจนประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นตามการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ครั้งที่ 16 สมัยวิสามัญ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และประเทศผู้สังเกตการณ์และองค์กรอื่น ๆ

มาริษ ยังระบุว่า เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้วที่ประเทศไทยได้ยึดมั่นในพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ จวบจนถึงปัจจุบัน เราได้กอบกู้และส่งคืนพื้นที่มีการวางทุ่นระเบิดกว่าร้อยละ 99 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร กลับคืนสู่ชุมชนของเรา อีกทั้งได้ดำเนินการและยังคงให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากทุ่นระเบิด เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและปกติสุข 

“ความพยายามร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากทุ่นระเบิดได้รุดหน้าไปมากแล้ว และนี่คือเหตุผลที่เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาจึงสร้างความสะเทือนขวัญให้กับพวกเราอย่างมาก และย้ำเตือนเราอีกครั้งว่าไม่ควรมีพื้นที่หรือเหตุผลใด ๆ ในการใช้อาวุธชนิดนี้อีกต่อไป”

รมต.ต่างประเทศ ระบุ

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ

มาริษ บรรยายต่อว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการประชุม GBC ได้มีการตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้โดยสมบูรณ์ แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ไม่ถึง 5 วัน หลังจากการประชุมฯ ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดอีก 2 ครั้ง โดยหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา

เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า กัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย

มาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยขอประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุด การกระทำเหล่านี้บ่อนทำลายความสมบูรณ์ของอนุสัญญาออตตาวา และเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 การกระทำเหล่านี้ยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหลักการที่ตนเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ยึดมั่นอยู่

“ก่อนเกิดสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ให้ความเห็นชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการ ซึ่งมาตรการเหล่านั้น หากดำเนินการก็อาจสามารถป้องกันความสูญเสียอันน่าเศร้าที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดของไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะมีการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามและร่วมมืออย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง”

รมต.ต่างประเทศ ระบุ

S__45441030_0-1.jpg

ช่วงท้าย มาริษ ย้ำว่า ข้อกังวลเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญโดยตรงต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อชุมชนนานาชาติ โดยเฉพาะผู้บริจาคที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาด้วยความจริงใจอีกด้วย ดังนั้น ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะหยุดการใช้ทุ่นระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด 

“ดังที่ท่านทราบ ประเทศไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และผ่านทางเลขาธิการฯ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา เราจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป เราขอเรียกร้องประเทศสมาชิกอาเซียน - ในฐานะคณะสังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) ให้พิจารณาประเด็นนี้อย่างถี่ถ้วนในการไปสำรวจพื้นที่ในอนาคต เพื่อที่บริเวณชายแดนจะปลอดภัยเพื่อประโยชน์ของพลเรือนของทั้งสองประเทศ”

รมต.ต่างประเทศ ระบุ

นอกจากนี้ มาริษ ยังเชิญชวนให้คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ร่วมการลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (16ส.ค.) เพื่อสังเกตการณ์สถานการณ์ทุ่นระเบิดด้วยตัวท่านเอง พร้อมทิ้งท้ายว่า ผมขอยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตวา และการหยุดยิง

ทั้งนี้ กัมพูชา ส่งเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เข้าร่วมรับฟัง หลังก่อนหน้านี้ ประเทศไทยได้ขับทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยให้กลับประเทศไปแล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์