ภายหลัง ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงโต้กลับ ก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ในทำนองว่า “มีคนติดต่อหาผม ผ่านสมาชิกที่รู้จักผม เสนอมอบเงินให้ผมเดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับเรื่องคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็ปไซต์ทำให้สงสัยว่าประเพณีปฏิบัติของ รมว.ดีอี ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว”
ส่งผลให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทยออกมาโต้กลับทันที โดย ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผยผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter) ว่า
เห็นท่าน รมต.ดีอี ป้ายแดง อภิปรายว่ามีคนกล้าเสนอเงินถึง 40 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อแลกกับการไม่จับและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยท่านก็ตั้งคำถามว่า นี่เป็น “ประเพณีปฏิบัติ” ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่
ดิฉันในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ขอชี้แจงว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ไม่เคยปรากฏกรณีที่มีผู้ใดติดต่อรัฐมนตรีของพรรคเราเพื่อเสนอสินบน เพราะแนวทางของเรามีจุดยืนชัดเจนในการปราบปรามอาชญากรรมและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด
ดิฉันอยากย้อนถามกลับไปยังท่านรัฐมนตรีว่า เหตุใดพอพรรคของท่านเพิ่งมาเป็นแกนนำรัฐบาลไม่กี่วัน ถึงได้มีคนกล้ารีบติดต่อหาท่านเพื่อเสนอเงินเร็วเพียงนี้
หรือเป็นเพราะพรรคของท่านมีภาพลักษณ์ที่ทำให้เหล่ามิจฉาชีพเข้าใจไปว่า มีช่องทางในการพูดคุยเรื่องที่ผิดกฎหมายเช่นนี้ได้ ใช่หรือไม่?
“ประเพณีปฏิบัติ” ที่ท่านกล่าวมา ดิฉันกังวลใจว่ามันอาจกำลังจะเริ่มขึ้นในรัฐบาลชุดนี้มากกว่าหรือไม่คะ
ที่สำคัญ การที่มีคนพยายามติดต่อเสนอเงินเช่นนี้ ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ฐาน “ให้สินบนเจ้าพนักงาน” ท่าน รมต.ป้ายแดงจึงยิ่งต้องพิสูจน์ความจริงใจ ด้วยการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่ใช่เพียงใช้เวทีของสภาเพื่อโยนคำถามให้พรรคอื่นเสียหาย
เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่เร่งดำเนินการ จะยิ่งย้อนกลับมาทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลและพรรคของท่านเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มากกว่าค่ะ
ที่มา:Khattiya Sawatdiphol (@Dear_Khattiya)

ขณะที่ ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงคำชี้แจงของ รมว.ดิจิทัลฯ เช่นกันว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรง มีแก๊งลวงโลกใช้สมาชิกสภามาเจรจาให้สินบนรัฐมนตรี ไชยชนกอ้างว่าได้ปฏิเสธข้อเสนอไปแล้ว แต่เรื่องนี้จบแค่นี้ไม่ได้ ไชยชนกในฐานะ รมว.ดีอีต้องใช้เวลาที่มีอยู่ 4 เดือนนี้ กระชากหน้ากากแก๊งคนชั่วเหล่านั้นมาดำเนินคดีให้ได้
สำหรับผม เวลา 4 เดือนตาม MOA รมว.ดีอี ไม่ต้องทำอะไร แค่ตามจับคนชั่วเหล่านี้มาดำเนินคดีให้ได้ ก็ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ และเป็นประโยชน์มหาศาลต่อประชาชนและประเทศชาติ ตรงกันข้ามถ้าท่านเพิกเฉย ทำได้แค่ปล่อยๆ ในสภา ไม่ได้ดำเนินการอะไรก็เท่ากับว่าท่านให้ท้ายคนชั่วเหล่านี้สร้างความพินาศให้กับคนไทยต่อไป
— ดนุพร ปุณณกันต์
ดนุพร กล่าวต่อไปว่า การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายอาชญากรออนไลน์ข้ามชาติโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนมองเห็นผลงานได้อย่างชัดเจน จากการเดินหน้าเต็มระบบในแถบประเทศเมียนมามาจนถึงฝั่งกัมพูชา ท่านลองถามพี่น้องประชาชนได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา มีใครโทรมาหลอกลวงหรือไม่ แต่จะดีที่สุดหากท่านกรุณาถามประชาชนด้วยว่า พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์พวกนี้กลับมาหลอกลวงพี่น้องประชาชนอีกครั้งช่วงเวลาใด ใช่ช่วงเวลาเดียวกันกับที่พวกท่านจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่
ผมยังจำวันที่ท่านสะอึกสะอื้น พูดในสภาฯ ว่าไม่ยอมรับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ดี แต่วันนี้ท่านเล่าเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาติดสินบนด้วยอาการเรียบเฉย ไม่รู้ว่าสำหรับท่านถือว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาหรืออย่างไร หากท่านรับรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ดำเนินการตามกฎหมายท่านจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องระวังประชาชนจะมองว่าเป็นรัฐมนตรีออกตัวแรง แต่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาหรือไม่
— ดนุพร ปุณณกันต์
ดนุพร ยังทิ้งท้าย “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะจัดการเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฏ ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต เพื่อใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลเพื่อไทย เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผมก็มีข้อสังเกตเช่นเดียวกันว่าในสมัยที่ รมว.ดีอี ชื่อ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เหตุใดผู้ร้ายจึงไม่กล้าปรากฏตัว แต่กลับมาปรากฏตัวเมื่อกระทรวง DE มีรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ ไชยชนก ชิดชอบ”



