‘จุลพันธ์’ เชื่อ ‘ผลงานในอดีต-แคนดิเดตนายกฯ’ ดึงประชาชนกลับมาหนุน ‘เพื่อไทย’

17 ธ.ค. 2568 - 10:34

  • ‘จุลพันธ์’ มั่นใจ ‘ผลงานในอดีต-แคนดิเดตนายกฯ’ ดึงใจประชาชนกลับมาหนุนพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

  • ไม่ปิดกั้นจับมือพรรคใดตั้งรัฐบาล ชี้การเมืองเป็นเรื่องตัวเลขและการเจรจา

  • ซัดปม ‘ดูด สส.’ ให้ไปถามพรรคต้นทาง ใช้กระบวนการใด ถูกต้องหรือไม่

‘จุลพันธ์’ เชื่อ ‘ผลงานในอดีต-แคนดิเดตนายกฯ’ ดึงประชาชนกลับมาหนุน ‘เพื่อไทย’

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ว่า “เรามีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง รวมถึงมีการประเมินกระแสหลังจากที่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3 คนแล้วว่าเป็นอย่างไร ทั้งในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจสูง”

เมื่อถามว่า นโยบายใดที่จะเป็นเรือธงในการหาเสียง จุลพันธ์ กล่าวว่า “จริงๆ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างชัด พรรคเพื่อไทยยังคงยึดมั่นในเรื่องการแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตและปากท้องของประชาชน เพราะขณะนี้ประชาชนยังตกอยู่ในความลำบากมานาน สิ่งที่เราพยายามทำในหลายมิติ เหมือนที่ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นำเสนอเป็นภาพใหญ่คือเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า การนำเทคโนโลยี AI และองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเพื่อเป็นสปริงบอร์ดให้เศรษฐกิจไทยสามารถก้าวกระโดดไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง”

ขณะที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ก็ได้นำเสนอนโยบาย เช่น การลดค่าครองชีพ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รถเมล์ 10 บาท รวมถึงบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อที่หากค่าใช้จ่ายลดลง ความสามารถในการแข่งขันก็จะสูงขึ้น ในส่วนที่ตนนำเสนอไป เช่น หวยเกษียณ การแก้ไขปัญหาหนี้สินในหลายๆ มิติ สิ่งเหล่านี้เราทำมาแล้วและต้องการที่จะเดินต่อ

หากดูดีๆ ก็จะเห็นภาพชัดเจนว่า เราต้องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าหลักการประชาธิปไตย เราต้องสร้างให้ประชาชนแข็งแรง “เอ็มพาวเวอร์” (empower: การให้อำนาจ-มอบอำนาจ) ให้พี่น้องประชาชนเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน สามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งการที่เราจะเติมพลังทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน เพื่อทำให้ประชาชนสามารถยืนขึ้นได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอีกครั้ง นี่คือหลักคิดของพวกเรา

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

เมื่อถามว่า “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” จะดึงกลับมาใช้หรือไม่? จุลพันธ์ กล่าวว่า “นโยบายนี้ถูกนำเสนอไปเมื่อครั้งที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และเราได้มีการดำเนินการให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางไปแล้ว 20 ล้านคน และยังค้างกับประชาชนอีก 20 ล้านคน เรื่องนี้เราคิดว่าต้องดำเนินการต่อ ในลักษณะที่ว่าเมื่อเราบริหารจัดการได้แล้ว เราจะดำเนินการให้กับกลุ่มที่ยังค้างอยู่”

ส่วนเมื่อถามย้ำว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้งหรือไม่? จุลพันธ์ กล่าวว่า “ไม่ใช่นโยบาย แต่จะเป็นเรื่องของการดำเนินการให้ครบถ้วน”

เมื่อถามว่า คาดหวังเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรเท่าไหร่? จุลพันธ์ กล่าวว่า “เมื่อวานสุริยะระบุชัดเจนว่า 200 บวกลบ เพราะเรามองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ ขณะนี้เราทำงานเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งไปไกล มีนโยบายต่างๆ และเชื่อมั่นว่านโยบายจะถูกใจพี่น้องประชาชน รวมถึงตัวของแคนดิเดตนายกฯ และประวัติการทำงานของพรรคในอดีตที่ผ่านมา จะสามารถดึงใจพี่น้องประชาชนให้กลับมาสนับสนุนเราอีกครั้ง”

หากถามว่าถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นวันนี้ เรามั่นใจ 200 หรือไม่ อาจจะยังนะ แต่เรามีเวลาอีก 2 เดือนในการที่จะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจหรือไม่เพราะคนเก่าของเราถูกดึงออกไป และคนใหม่ที่เข้ามายังถือเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองอยู่? จุลพันธ์ กล่าวว่า “มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า มีความผสมผสานกัน แต่อย่างหนึ่งที่ต้องชี้ให้เห็นคือการเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีสมาชิกที่สอบได้และสอบตก สอบไม่ได้มีประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งที่แล้วรู้สึกว่าจะเยอะกว่าปกติ อยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ตนคิดว่าจะไม่หนีกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปจะสอบได้ทุกคน หรือต้องยอมรับว่าคนที่อยู่จะสอบได้”

เราไม่สามารถนำเกมเก่าๆ มาวัดพี่น้องประชาชนได้ เพราะเป็นอำนาจการตัดสินใจของประชาชน

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ตัวเลข สส. ของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย เท่าๆ กัน จะจับมือกันหรือไม่? จุลพันธ์ กล่าวว่า “เป็นธรรมชาติหากเสียงไม่ถึงก็ต้องมีกลไกในการเจรจาหารือเพื่อให้ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคอันดับ 1 แคนดิเดตนายกฯ พรรคเราต้องเป็นนายกรัฐมนตรี หากไม่ใช่ ก็ต้องเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ที่จะมีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน”

แต่ขณะนี้การต่อสู้ทางการเมือง พวกตนเต็มที่ พวกเราเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง ย้ำว่าการแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ เมื่อจบแล้วสุดท้ายการเมืองก็เป็นเรื่องคณิตศาสตร์ คือต้องดูว่าใครมีจำนวนเท่าไหร่ จะรวมอย่างไรเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีความแข็งแรง นโยบายของพรรคหลักสามารถผลักดันหรือขับเคลื่อนได้หรือไม่ มีอุดมการณ์หรือแนวความคิดตรงกันหรือไม่อย่างไร

แต่ในขณะนี้ ยังไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องคุยกับใครหรือไม่คุยกับใคร

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ส่วนกรณีที่ กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีธัญบุรี พร้อมลูกชาย ย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย? จุลพันธ์ กล่าวว่า “แต่ละคนอาจจะมีเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งตนไม่ได้พูดคุยกับเขา เพราะไม่ได้มีความสนิทคุ้นเคยกันส่วนตัว ฉะนั้น เราจึงไม่รู้เหตุผล แต่ในส่วนของการขยับหรือเคลื่อนไหวของคนที่เป็นนักการเมืองในช่วงเลือกตั้งถือเป็นเรื่องปกติ”

ผู้สมัครพวกผมไม่ได้ขาดแคลน ตอนนี้เต็มพื้นที่ เราส่งผู้สมัครครบ 400 เขตแน่นอน ซึ่งการเปลี่ยนสังกัดพรรค หากเป็นเรื่องของแนวความคิดหรืออุดมการณ์ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการใช้อามิสสินจ้าง เป็นเรื่องเงินทองที่เรียกว่าดูด หรืองูเห่า ก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งต้องไปดูกับต้นสังกัดที่ย้ายไป ไปถามเขาดูว่ากระบวนการที่เขาใช้คืออะไร ถูกต้องหรือไม่ เพราะหากเริ่มต้นด้วยการดึงด้วยเงินทอง สิ่งตอบแทนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรืออะไรก็ตาม สุดท้ายจะนำไปสู่สังคมประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว และจะเกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ประเทศชาติมีความเสียหายในอนาคต หากจะมาสัมภาษณ์คนที่ถูกดึงไปคงไม่ถูก ให้ไปถามฝั่งนั้นดีกว่า

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์