จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน วิเคราะห์สถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยชี้ให้เห็นว่า “การสู้รบตามชายแดนไทย-กัมพูชา ยังน่ากังวล เพราะ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไปเจรจาหยุดยิงเสียเปรียบและตกเป็นเครื่องมือของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ดังนั้น คนไทยต้องสำแดงพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 12.00 น.-21.00 น.”
“ขอให้คนที่ไม่เป็นภาระและสามารถเดินทางมาได้ ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใด ภาคเหนือที่น้ำไม่ท่วม ภาคอีสานที่ไม่อยู่แนวชายแดน ภาคกลาง กทม.ปริมณฑล ท่านมาร่วมสำแดงพลังกัน เพราะการร่วมพลังแผ่นดินมีความจำเป็นภายใต้สถานการณ์นี้ที่วันข้างหน้าเอาแน่นอนอะไรไม่ได้เลย”
อีกทั้งเชื่อว่า “แม้รัฐบาลพยายามสกัดกั้นปิดหูปิดตาการรับรู้ข่าวสารการสำแดงพลังแผ่นดินทุกรูปแบบ แต่เมื่อสงครามไทย-กัมพูชาไม่มีอะไรดีขึ้นและการปะทะกันยังไม่ยุติ ดังนั้น การชุมนุมแสดงพลังแผ่นดิน 2 ส.ค.นี้ จึงคาดว่าจะมีผู้รักชาติบ้านเมืองมาร่วมจำนวนมากไม่แตกต่างจากการสำแดงพลังเมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา”
สิ่งสำคัญคือ ประชาชนไม่พอใจ ภูมิธรรม รักษาการนายกฯ ไปเสียรู้กับการเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข เท่ากับถูก 3 ประเทศ คือ กัมพูชา มาเลเซีย และสหรัฐ สมคบคิดกันรุมบีบให้ไทยทำข้อตกลงหยุดยิง แสดงว่าไทยตกเป็นเครื่องมือของ อันวาร์ อิบราฮิม
จตุพร ชี้ให้เห็นว่า “การเจรจาหยุดยิงเหมือนเล่นไพ่ดัมมี่ อันวาร์ อิบราฮิม กับสหรัฐและ ฮุนมาเนต นายกฯ กัมพูชา รู้เห็นเป็นพวกเดียวกันหมด เท่ากับ 3 รุมหนึ่ง จึงถูกกดดันให้ตีโง่ และที่เจ็บใจ ตอนเดินออกจากการแถลงการเจรจา ยังให้ ภูมิธรรมไปก่อน แล้วนายกฯ มาเลเซียเดินกอดคอ ฮุนมาเนตออกไป ซึ่งภาษากายอธิบายถึงการรู้เห็นเป็นใจกัน”
ภูมิธรรม ไปเจรจาโดยไม่ตรวจสภาพทั้ง 11 สมรภูมิชายแดนหรือไม่ว่าไทยได้เปรียบเสียเปรียบที่จุดไหน และยังไปเกรงใจ อันวาร์ อิบราฮิม ที่ขณะนี้ถูกคนในประเทศขับไล่ออกจากตำแหน่ง ดังนั้น การเดินเกมการเมืองครั้งนี้จึงโง่บัดซบที่สุด
จตุพร ระบุอีกว่า “ภูมิธรรม บอกว่าได้คุยและนำข้อเสนอของกองทัพบก 6 ข้อไปเจรจา แต่ได้คุยถึงยุทธภูมิ 11 จุดหรือไม่ว่ายังมีปัญหา และถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ควรไปเจรจา อีกอย่างเมื่อกัมพูชาผิดเงื่อนไขการหยุดยิงถึง 2 วัน แล้วทำไมไม่ให้กองทัพเข้าไปจัดการในพื้นที่ปราสาทตาควาย”
เมื่อเจรจาผิดพลาดแล้วเขาไม่ทำตาม พอไปทำตามเราก็เสียเปรียบ แม้เราได้มาหลายที่ ซึ่งเป็นที่ของเรา แต่กรณีปราสาทตาควายสะท้อนให้เห็นว่า การไปเจรจาของนายภูมิธรรมนั้น มันสร้างความเสียหายจริงๆ แล้วการจะไปเจรจาระดับจีบีซี วันที่ 4 ส.ค.นี้ เราทักท้วงตั้งแต่แรกแล้วว่า โง่หรือไงที่ไปเจรจาที่พนมเปญ
พร้อมระบุว่า “นอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร เสมียนประเทศเคยการันตีว่า ไทย-กัมพูชา แข่งกันดำน้ำอึด ไม่มีการรบทำสงครามกันเด็ดขาด แล้วสุดท้ายรบกัน ซึ่งจะว่าอย่างไร การพูดเช่นนี้ยิ่งทำให้คนตามชายแดนตายใจ หลงเชื่อกันไปมาก”
ส่วนด้านมนุษยธรรม โดยถกเถียงกรณี รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ไม่รับรักษาคนกัมพูชานั้น จตุพร กล่าวว่า “กลายเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย เพราะในสถานการณ์สงครามและไทยปิดด่านทุกด่าน แล้วคนกัมพูชาจะเข้ามารักษาตัวในไทยได้อย่างไร ยกเว้นคนกัมพูชาที่อยู่ในไทยแล้วต้องรับรักษาเพื่อมนุษยธรรม ดังนั้น เรากำลังมาเถียงในเรื่องปัญญาอ่อน ไม่สมเหตุสมผลกันเลย”
อย่างไรก็ตาม เมื่อการสู้รบยังไม่ยุติ จึงขอให้พี่น้องมาร่วมสำแดงพลังปกป้องแผ่นดินไทยกัน เพราะเราทนเห็นนักการเมืองอ่อนแอ โหลยโท่ยไปเจรจาหยุดยิงไม่มีเงื่อนไขกันไม่ไหว ทั้งๆ ที่รู้ว่าไทยถูกรุกราน แล้วยังไปเจรจาเสียเปรียบอีก ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้จึงน่ากังวลที่สุด