‘ตำรวจไซเบอร์’ ส่งสำนวนคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’ สั่งล่าผู้เห็นต่างให้ ‘อสส.’ พิจารณารับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร

8 ส.ค. 2568 - 05:23

  • ‘ตำรวจไซเบอร์’ ส่งสำนวนคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’ สั่งล่าผู้เห็นต่างให้ ‘อสส.’ พิจารณารับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ชี้หากพบผิดจริงออกหมายแดงจับได้

  • ส่วนคลิปเสียงสนทนา ‘อังเคิล’ คาดอัยการพิจารณาแล้วเสร็จ ส.ค.นี้

  • ย้ำทำตามหน้าที่ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาลของทั้งสองประเทศ

‘ตำรวจไซเบอร์’ ส่งสำนวนคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’ สั่งล่าผู้เห็นต่างให้ ‘อสส.’ พิจารณารับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พร้อมคณะ นำสำนวนคดีคลิปเสียงฮุนเซน กรณีสั่งไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม มามอบให้อัยการสูงสุด พิจารณารับพิจารณาเป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังพบว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่ามีการทำผิดเกิดขึ้นจริง โดยมี ฐิติวดี สินธวณรงค์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับสำนวน

ing-shinawatra-hunsen-8-august-2025-SPACEBAR-Photo01.jpg

สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ระบุว่า เป็นคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้นำหลักฐานเกี่ยวกับคลิปเสียงที่ สมเด็จ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ได้สนทนากับ นายเคลียง ฮวด ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด ในลักษณะสั่งการให้ไปไล่ล่าผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ลี้ภัยมายังประเทศไทย จำนวน 2 ราย คือ ลิม คิมยา นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชา และ พร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชา โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่าพฤติกรรมของ สมเด็จ ฮุนเซน เข้าข่ายการทำผิดตามกฎหมายไทย ในฐานะความผิด ได้แจ้งความเอาผิด สมเด็จ ฮุนเซน ในฐานความผิดเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ตามมาตรา 116

ซึ่งตามขั้นตอนหากอัยการสูงสุด เห็นว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริงก็จะนำไปสู่การออกหมายจับ และอในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศก็จะมีการประสานออกหมายแดง หรือหมายจับสากลต่อไป ส่วนจะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ ต้องให้อัยการสูงสุดพิจารณาก่อน

ing-shinawatra-hunsen-8-august-2025-SPACEBAR-Photo02.jpg

ส่วนคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และ สมเด็จ ฮุนเซน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ระบุว่า ได้ประชุมหารือกับสำนักงานอัยการสอบสวนแล้ว คาดว่าคงพิจารณาเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่ ฐิติวดี สินธวณรงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า หลังจากรับสำนวนแล้ว สำนักการสอบสวนฯ จะรับไปพิจารณาว่าเป็นความผิดนอกราชกอาญาจักรหรือไม่ ก่อนเสนอให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อว่าเห็นควรที่จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาว่า คดีนี้มีมูลเพียงพอที่จะส่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้

ส่วนการดำเนินการเอาผิดกับ สมเด็จ ฮุนเซน จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกัมพูชา ที่ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เปราะบางหรือไม่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ มองว่า หลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ประชุมร่วมกันแล้ว ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดที่ชายแดนมีแนวโน้มดีขึ้น แต่เนื่องจากคดีคลิปเสียงดังกล่าว เป็นคดีที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และจากการสืบสวนพบว่าเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร ซึ่งตามกฎหมายผู้รับผิดชอบเรื่องนี้คืออัยการสูงสุด

“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมเชื่อว่ารัฐบาลระหว่างสองประเทศคงจะมีมาตรการที่ปรองดองหรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ในทางกฎหมายเราก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนเช่นกัน”

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าว

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ย้ำว่า ไทยและกัมพูชาเรามีพื้นที่ติดกัน และคงไม่อยากมีการทะเลาะหรือข้อพิพาทกัน เพราะมันจะส่งผลกระทบหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน รวมถึงพี่น้องทหาร หน่วยงานความมั่นคง ที่อาจต้องบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องเชิงลบทั้งหมด ดังนั้นหากพูดคุยกันแล้วจบเรื่องด้วยดี ทำตามข้อตกลงกันเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และส่งผลดีกับทั้งสองประเทศ

ing-shinawatra-hunsen-8-august-2025-SPACEBAR-Photo03.jpg
ing-shinawatra-hunsen-8-august-2025-SPACEBAR-Photo04.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์