ความคืบหน้าคดีฮั้ว สว. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กำลังดำเนินการสืบสวนในส่วนของคดีอาญาในฐานความผิดฟอกเงินและความผิดฐานอั้งยี่ ล่าสุดวันนี้ (17 ก.ค.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนฯ ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปง. และอัยการ
หลังการประชุม พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่าการสอบสวนคืบหน้าไปแล้วกว่า 70 % โดยสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 90 ปาก เป็นพยานจากกลุ่มคนที่มีส่วนรู้เห็นกับการวางแผนต่างๆ และการโอนเงิน โดยพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองท้องถิ่น และคนใกล้ชิดแกนนำพรรค รวมถึงผู้ช่วยและที่ปรึกษาสว. กระจายอยู่ในพื้นที่ 30 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้เข้าข่ายการกระทำผิดมากกว่า 100 คน

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา อธิบายว่า คณะทำงานจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หากหลักฐานโยงไปถึงใครก็จะเชิญมาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ สส. ซึ่งตอนนี้เรามีรายชื่อของผู้ที่จะเชิญมาให้ข้อมูลแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยคาดว่าจะใช้จะใช้เวลาสอบสวนพยานกลุ่มนี้ประมาณ 1 เดือน หากมีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอ ก็อาจพิจารณาออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาได้
ส่วนกรณีที่วันนี้ (17 ก.ค.) คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ดูในส่วนความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. จะสรุปสำนวนการสืบสวนให้ เลขาฯ กกต. ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป โดยมีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ มีมติเสนอให้เอาผิด สว. นักการเมือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวม 229 คน

พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และขอไม่ออกความเห็นในเรื่องนี้ แม้คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปร่วมเป็นกรรมการด้วย 3 คน แต่เราแยกกันทำงาน สนับสนุนข้อมูลข้อมูลให้แก่กันเท่านั้น แต่ในส่วนของการพิจารณาเอาผิดใครเราแยกกันทำ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่บางคนอาจถูกแจงข้อกล่าวจาก กกต. เพียงอย่างเดียว หรือโดนทั้ง กกต. และดีเอสไอ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและการพิจารณาของหน่วยงานนั้นๆ
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา ย้ำว่า จากการสอบสวนเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดจริง ทั้งในส่วนของฟอกเงินและอั้งยี่ โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูลหลักฐานว่าเรื่องนี้มี ‘ใคร’ ผิดบ้างเท่านั้น
