MOU ‘เบน สมิธ’ ดีอีให้ ‘ประเสริฐ - ธรรมนัส’ แจงเอง

11 ธ.ค. 2568 - 07:57

  • ‘ไชยชนก’ โยน "รองนายกฯ-รมต." ในภาพแจงเองเหตุร่วมเฟรม "เบน สมิธ"

  • เผย ตั้งคกก. ตรวจสอบแล้วเตรียมเชิญคนนอกเป็นประธาน

  • แจง ปมแม่โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลคู่กรณี ไม่ผิด PDPA เหตุได้จากการมอบอำนาจแจ้งความ รับ แม่ห่วงกระทบการทำงาน

MOU ‘เบน สมิธ’ ดีอีให้ ‘ประเสริฐ - ธรรมนัส’ แจงเอง

‘ไชยชนก ชิดชอบ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงกรณีภาพถ่ายการลงนาม MOU กับบริษริษัทสิงคโปร์ ซึ่งมี ‘ประเสริฐ จันทรวงทอง’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ และ ‘ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า' รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ‘นฤมล ภิญโญสินวัฒน์’ และ ‘เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์’ หรือ ‘เบน สมิธ’ ร่วมเป็นพยาน ว่า ต้องขอขอบคุณสำนักข่าวอิศรา เพราะพอทราบเรื่องก็ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงตรวจสอบภายในกระทรวง และประสานกับทางกระทรวงการต่างประเทศ  

ซึ่งปลัดกระทรวงได้รายงานว่าหลังจากลงนามไปแล้วไม่ได้มีกิจกรรมใดๆ ร่วมกันแต่อย่างใด ตนจึงไปตรวจสอบด้วยตัวเอง จนกระทั่งไปดูภาพกล้องวงจรปิดภายในอาคารของกระทรวงและดูระบบต่างๆ ที่พอจะหาหลักฐานได้ จนตรวจสอบเจอข้อมูลเพิ่มขึ้นจากภาพถ่าย ที่มีเจ้าหน้าที่บันทึกเป็นอัลบั้ม

"ซึ่งหากจะถามข้อมูลว่าใครเชิญมา ใครรู้จักกับใครไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่จุดนั้นอาจจะต้องไปสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น" 

ส่วนตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่องนี้แล้ว ซึ่งหนังสือที่ลงนามจะมีผลในวันนี้ ตอนแรกจะไปนั่งเป็นประธานตรวจสอบเองแต่ มีคำแนะนำว่าไม่เหมาะสม เพราะต้องมีการตรวจสอบทางด้านวินัยจำเป็นต้องหาคนนอกเข้ามานั่งตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเน้นย้ำว่าจะต้องตรวจสอบข้อมูลให้เจอเพื่อไม่ให้เกิดความหวาดระแวงในการทำงาน ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด 

เมื่อถามว่าได้สอบถามเรื่องนี้กับร้อยเอกธรรมนัสหรือไม่ ไชยชนก กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการสอบถามแต่ถ้าหากเจอก็จะถามว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่ท้ายที่สุดอยู่ที่แต่ละคนจะออกมาชี้แจง อีกทั้งการไปตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในภาพตนไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ และเชื่อว่าแต่ละคนที่มีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคงมีเหตุผลที่แจ้งได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า 

พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงกรณีที่น 'กรุณา ชิดชอบ' มารดา นำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับครอบครัวชิดชอบมาเผยแพร่ในโซเชียลมิเดียว่า ตนเองเพิ่งทราบเรื่องและได้สอบถามกับคุณแม่แล้ว ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ถึงจะรักมากและเป็นแม่ ถ้าใจไม่แข็งพอก็จะไม่สามารถปราบปรามสแกมเมอร์ได้อย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ได้ตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) พบว่าข้อมูล PDPA ที่ถูกปล่อยออกมานั้น เป็นข้อมูลที่ผู้ปล่อยข้อมูลควรจะได้เพราะมีการมอบอำนาจให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จึงมีข้อมูลนี้อยู่แล้ว ดังนั้นในเชิงเนื้อหาข้อมูลจึงไม่ผิด PDPA  เนื่องจากมีการมอบอำนาจในการดำเนินคดี โดย สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ทำรายงานรวบรวมส่งมาให้ PDPC  ทราบมาว่ามีการลงโทษภายในแล้ว แต่เองไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ 

ยืนยันว่าจะต้องตรวจสอบทุกเรื่องไม่มีข้อยกเว้นโดยในเชิงข้อกฎหมาย PDPA ยืนยันว่าไม่ผิดจริง ๆ แต่ถ้ามีเรื่องใดที่ผู้เสียหายดำเนินการได้คือ หมิ่น แต่ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นเพราะท้ายที่สุดก็มีผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย สำหรับต้นตอของปัญหาคือมีการกล่าวหาครอบครัวของตนเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ส่วนตัวเห็นใจคุณแม่เพราะรู้ว่านายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ที่ทำทุกอย่าง ทั้งเรื่องศูนย์อพยพ ตนเองก็เอาตัวมาเสี่ยงในการเปิดโปงสแกมเมอร์แบบเต็มที่ คุณแม่เห็นแบบนี้ก็คงเสียใจ แต่อย่างไรทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย 

"ต้องบอกว่าคุณแม่แข็งแกร่งมาก ได้พูดคุยกันตอนเช้า คุณแม่เป็นห่วงผมมากกว่า และคุณแม่โทรมาด้วยความกังวลว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตนหรือไม่ ตนก็ยืนยันกับแม่ไปว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะในเชิงการทำงานยังไงก็รัก แต่ต้องบอกว่าครอบครัวผมเลี้ยงดูมาแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องไม่เกิดการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ หรือเอานามสกุลไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ท่านสอนผมมาเอง ดังนั้นท่านจึงโทรมาบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเดินให้เต็มที่เลย" 

ส่วนตัวได้ถาม ผอ.PDPC ว่าไม่สามารถดำเนินการได้มากกว่านี้จริงหรือ ซึ่งเขาก็บอกว่า โดยกฎระเบียบข้อบังคับเรื่อง PDPA แล้วมันทำไม่ได้จริงๆ ก็บอกว่าโอเค แต่หากส่วนไหนที่ทำตามกฎระเบียบได้ ก็ทำเต็มที่ทั้งหมด หรือต่อให้มีการร้องเรียนมาจากคู่กรณี ก็จะดำเนินการให้เต็มที่ตามที่มีการร้องเรียน 

เมื่อถามว่า ขณะนี้ในโซเชียลมีเดียมีการตั้งคำถามว่า กรุณาไปได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาได้อย่างไร ไชยชนก กล่าวว่า เท่าที่สอบถามเบื้องต้นเป็นการมอบอำนาจเพื่อให้ไปแจ้งความและดำเนินคดี ซึ่งตำรวจต้องไปรวบรวมรวบรวมว่าข้อมูลรั่วไหลได้อย่างไร ซึ่งตนก็ได้บอกกับทางศูนย์ PDPC หากเขาได้รวบรวมข้อมูลส่งมาแล้วก็ให้ดำเนินการตามมาตรการ เพราะเรามีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ซึ่งตนได้ขอให้เขามีการตรวจสอบเพิ่มเติมในเคสนี้ เพราะในเคสปกติเขาจะไม่ตรวจสอบเพิ่ม 

ส่วนได้ถามกรุณาหรือไม่ว่าได้เอกสารนั้นมาได้อย่างไรหรือไม่นั้น ผู้รับมอบอำนาจเขาส่งมา ส่วนตัวไม่แน่ใจในรายละเอียดขอปล่อยให้เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายอย่างเต็มที่ 

"ก็ได้ให้กำลังใจคุณแม่ ตอนนี้คุณแม่ก็เป็นห่วงใหญ่เลย เห็นเราตั้งใจทำงานแล้วมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ตั้งแต่ทำฟุตบอลมา เราจะเจอเรื่องนี้บ่อย ด้วยความที่เรามีความเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย โดนหมิ่นโดนอะไรเยอะ เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ต่อสู้มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ส่งผลกระทบมาที่ผม ผมก็บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ามีผลกระทบเราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเป็นครอบครัว"

ไชยชนก กล่าว 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์