ทภ.1 ขู่จับ ‘มวลชนกัมพูชา’ เอาผิด ละเมิด กม.ไทย ส่ง คฝ. สมทบเพิ่ม 5 กองร้อย

18 ก.ย. 2568 - 09:36

  • ทภ.1 พร้อมยกระดับ เตรียมส่ง คฝ. สมทบ 5 กองร้อย คุมพื้นที่ ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’ หากละเมิด จับดำเนินคดีตามกฎหมายไทย โวยคณะ ‘IOTกัมพูชา’ ทำผิดกติกา รุกล้ำอธิปไตยไทย

ทภ.1 ขู่จับ ‘มวลชนกัมพูชา’ เอาผิด ละเมิด กม.ไทย ส่ง คฝ. สมทบเพิ่ม 5 กองร้อย

พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงข่าวเหตุการณ์ชาวกัมพูชา บุกรื้อรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) จึงมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ว่า เหตุการณ์แสดงให้ได้เห็นว่ากัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมทวิภาคีระดับต่างๆ แต่เหตุการณ์บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจานที่ผ่านมา กลับใช้การยั่วยุ​ ระดมมวลชน เด็ก​ ผู้หญิง พระสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องที่อารยะประเทศปฏิบัติต่อกัน

“ผมขอประณามผู้นำประเทศกัมพูชา ที่ปล่อยให้เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น ในพื้นที่อธิปไตยของไทย โดยใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ยั่วยุ ต้องการสร้างภาพว่าฝ่ายไทยปฏิบัติการทำร้าย โดยไม่สนใจความรู้สึก หรือร่างกายของประชาชนตัวเอง ให้เข้ามารุกล้ำอธิปไตยไทย ขออย่ามายั่วยุอีกและเลิกยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงได้แล้ว ซึ่งมีการประกาศกติกาสากลอยู่แล้ว​

และขอฝากไปถึงพระสงฆ์กัมพูชา หากจะมาแสดงเช่นนี้ขอให้กลับไปสึกเสียดีกว่า แล้วไปสมัครมาเป็นทหาร แล้วมาปฏิบัติต่อกัน ยืนยันว่าเราไม่หลงกล และรู้ว่าจะใช้วิธีนี้ เราจึงเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน​ไว้” พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าว

ทั้งหมดนี้คือละครกัมพูชาสร้างละครไม่จบไม่สิ้น ตนอยากฝากถามถึงความจริงใจผู้นำกัมพูชาโดยเฉพาะ การปฏิบัติตามข้อตกลง อย่าให้เป็นแค่กระดาษหรือคำเขียนแต่จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติ 

“กองทัพภาคที่1 ไม่ได้หวั่นไหวหรือวันใจ ทุกอย่าง เราเป็นผู้ใหญ่ใจดีมามากแล้วตลอดระยะเวลา 30-40 ปี เราชวนอยู่กันแบบอารยะบ้านใกล้เรือนเคียง มีความสุขไปร่วมกัน แต่ในเมื่อเราชวนท่านที่อยู่ในกติกาแต่ท่านก็อยู่นอกกติกาอย่างต่อเนื่อง” พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าว

ขณะที่การวางแนวลวดหนามเพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทยสิ่งที่ผู้นำกัมพูชาปล่อยให้เกิดขึ้นและบิดเบือนด้วยการออกข่าวว่าเป็นการทำร้ายคนกัมพูชา อ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา บิดเบือนทั้งสิ้น พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ผู้ว่าฯสระแก้ว ได้ใช้ความอดทนมาตลอด เมื่อฝ่ายกัมพูชาไม่ใช้กำลังทหาร และฝ่ายไทยจะใช้กำลังทหารกับทหารด้วยกันเท่านั้น จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนรับมือ

พล.ต.สุรวิชญ์ ย้ำว่า การปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 1 มีอารยะ มีขั้นตอน พร้อมทั้ง ตั้งข้อสังเกตว่า ทหารกัมพูชา นอกจากไม่ห้ามปรามประชาชนของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ผสมโรง ช่วยรื้อรั้วลวดหนาม สิ่งที่เห็น คนกัมพูชาวัยฉกรรจ์​ 100 -​ 200 คนใช้ไม้เป็นอาวุธ  และใช้หนังสติ๊ก ซึ่งรุนแรงกว่ากระสุนยางทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย

เพราะฉะนั้นเราจะต้องรอบคอบและป้องกันตนเอง จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชน 2 กองร้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพรานและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายหญิง​ และอาสาสมัครรักษาดินแดน ในการตรึงกำลังผลักดันตามขั้นตอน และ ตามสมควรแก่เหตุซึ่งกัมพูชานำไปบิดเบือนว่าถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัส จึงตั้งคำถามว่าแก๊สน้ำตาบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร จึงขอฝากไปถึงสื่อมวลชนฝั่งกัมพูชาขอให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

พล.ต.สุรวิชญ์ ยังกล่าวตำหนิคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ฝ่ายกัมพูชา ลงพื้นที่ช่วงค่ำหลังเหตุ ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงและไม่มีสิทธิ์เดินมาบริเวณแนวรั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นอธิปไตยของฝ่ายไทย โดยได้ให้กรมข่าวกองทัพภาคที่1 ทำหนังสือประท้วงให้ยึดถือหลักเกณฑ์และกติกาเพราะเมื่อคณะIOT ถูกสร้างมาเป็นผู้สังเกตการณ์

โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะยกระดับความเข้มข้น โดยทางตำรวจภูธรภาค 2 ส่งกำลังควบคุมฝูงชนสมทบในพื้นที่ 5 กองร้อย รวมของเดิม 2 กองร้อย รวมเป็น 7 กองร้อย หากละเมิดอีกจับกุมได้ทันที พร้อมขนขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดี ตามกฎหมายไทยที่กำหนดว่าเข้าข่ายใด

พล.ต.สุรวิชญ์ เปิดเผยต่อ กองทัพภาคที่ 1 เตรียม การประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค(RBC) ไทย-กัมพูชา 24-25 ก.ย.นี้ ที่กัมพูชา หารือแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แผนปฏิบัติอาชญากรรมข้ามชาติ​  การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน​ ​ การจัดชุดประสานงานระหว่างพื้นที่​ 

รวมไปถึงจะมีการจัดตั้ง​ TBC ในระดับจังหวัด​ เพื่อทำงานในพื่นที่​ และย้ำว่า​ขอให้สถานการณ์เหมาะสมต่อการเจรจาและขอความจริงใจที่จะพูดคุย เพื่อที่จะให้ประชาชนร่วมของประเทศ อย่าให้สนามการค้าเปลี่ยนเป็นสนามรบ

ทั้งนี้ใน จ.สระแก้ว มีพื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ 8 พื้นที่ แต่ในส่วนของ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว กัมพูชารุกล้ำเกินพื้นที่อ้างสิทธิ์จึงต้องแก้ไขจัดการ​ โดยไม่ให้ยืดเยื้อเด็ดขาด​

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์