อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ,ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ,ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี .ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาคณะรัฐมนตรี และ อนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้าประชุมกับกกต. นำโดย อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ,แสวง บุญมี เลขาธิการกกต. และคณะกรรมการกกต. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อหารือแนวทางจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณา จักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MOU 2543) และ (MOU 2544) ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีสื่อมวลชนมาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก
ภายหลังการประชุม ประธานกกต. ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในเบื้องต้นเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งทั่วไป หากจะมีขึ้นในวันใด กระบวนการทำงาน งบประมาณที่เกี่ยวข้องจะเป็นอย่างไร และปัจจัยในการจัดวันเดียวกันขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง โดยทั่วไปเป็นการคุยกันกว้างๆ มากกว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดที่จะต้องตัดสินใจอะไรในขณะนี้
ส่วนเรื่องจำนวนบัตรจากการหารือจะต้องมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สำหรับสส.แบ่งเขต และสส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ณ ขณะนี้ได้วางแนวไว้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิก MOU 43 และMOU 44 ก็จะมีบัตรประมาณ 4 ใบ ปัจจัยพวกนี้จะต้องดูวิวัฒนาการที่จะมีขึ้นเวลาตั้งแต่ปัจจุบันจนถึง ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งมีการพูดคุยกันว่าจะต้องมีบัตรเพิ่มขึ้นแน่ๆ ทั้งนี้ คิดว่าน่าจะมีปัญหากับประชาชนในเรื่องของการจดจำบัตรที่เพิ่มขึ้นบ้าง ดังนั้น เราจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการให้มั่นใจที่สุดว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิออกเสียง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะไม่สับสน ซึ่งเราจะลงไปในรายละเอียดและจะทำให้ดีที่สุด
ส่วน กกต.มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหรือมีความเห็นอย่างไรกับ พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ หรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า แม้เป็นฉบับเก่ากกต.ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม และเมื่อมีฉบับใหม่ประกาศใช้เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามนั้น ส่วนจะนับคะแนนอย่างไร ยังไม่ได้คุยในรายละเอียด รวมถึงยังไม่ได้คุยในวิธีบริหารจัดการ จะนับสส.ก่อนหรือนับประชามติก่อน จะต้องรอพูดคุยกัน
เมื่อถามถึงงบประมาณที่จะใช้สำหรับการทำประชามติ และการเลือกตั้งควบคู่กันไป อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ อิทธิพร กล่าว ตัวเลขกลมๆที่ประมาณการอยู่ขณะนี้ หากทำพร้อมกัน ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท ส่วนถ้าทำแยกกันจะใช้งบประมาณรวม 10,000 กว่าล้านบาท โดยคำนวณจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2569 จำนวน 53 ล้านคน เพราะฉะนั้นการทำควบคู่กันประหยัดกว่าแน่นอน
ทั้งนี้ การทำประชามติจะครอบคลุมการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ อิทธิพร กล่าวว่า พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับพ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้แล้วนี้ให้มีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะมีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วย
ด้าน อนุทิน ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า ยังยืนยันจะทำประชามติ MOU ฉบับที่ 43 และ 44 หรือไม่เนื่องจากมีเสียงนักวิชาการและนักการเมืองหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ โดยอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว
เมื่อถามอีกว่าในการทำประชามติเหล่านี้จะมีความชัดเจนเมื่อใด อนุทิน กล่าวว่า จากนี้จะมีการหารือผ่านคณะทำงานที่ตั้งร่วมกัน ซึ่งมีบวรศักดิ์ และภราดร ที่จะต้องมาทำงานร่วมกันกับกกต. ส่วนจะทราบความชัดเจนในกรอบการทำงานอย่างไรนั้น ขอย้ำว่าก็ต้องทำให้เร็วที่สุด ภายในวันที่ 31 ม.ค.2569


