‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพบกับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มาเลเซียว่า ได้มีการหารือกันนิดหน่อย เป็นการขอการสนับสนุนเรื่องการค้า และภาษี รวมทั้งได้เชิญ ‘ทรัมป์’ มาเยือนประเทศไทย เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้มาเยือนประเทศไทยประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งท่านตอบรับในหลักการ
เมื่อถามถึงการลงนามถ้อยแถลระหว่างไทยและกัมพูชา จะเริ่มเคลียร์พื้นที่ชายแดนและจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ทางกองทัพมีการประสานงานกันอยู่ ได้รับทราบว่าจะดำเนินการทันที ให้ไปถามรองเสนาธิการที่เป็นหัวหน้าทีมเจรจา ซึ่งท่านทำงานเข้มแข็ง และมีทีมเวิร์คที่ดีกับฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศด้วย จึงเป็นที่มาของการได้ลงนามของปฏิญญาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ส่วนการได้พูดคุยกับ ‘ฮุน มาเนต’ ผู้นำกัมพูชาแบบสองต่อสอง ในลักษณะเปิดใจหรือไม่นั้น ยังไม่มีการพูดคุยกันแบบสองต่อสอง แต่หลังจากลงนามในปฎิญญาแล้วคิดว่าคงมีการพูดคุยกันมากขึ้น เพราะแต่ละประเทศต้องพยายามให้การปฏิบัติต่างๆเป็นไปตามเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่การยกระดับให้เกิดสันติภาพเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า ณ ขณะนี้ถือว่าเราเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้วหรือยัง นุทิน ตอบว่า ยัง ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ซึ่งในปฏิญญาและจากการพูดคุยของทีมเจรจายังมีขั้นตอนที่ฝ่ายกัมพูชาจะต้องเริ่มปฏิบัติเป็นลำดับซึ่งควบคู่กับของไทย ส่วนตอนถือว่าความขัดแย้งชายแดนที่ผ่านมาจบลงแล้วใช่หรือไม่นั้น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน
สำหรับการลงนามครั้งนี้ มั่นใจแค่ไหนว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากกัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า
"การลงนามครั้งนี้มีสักขีพยาน มีผู้ประสานงาน และเป็นการลงนามในฐานะที่มีการประชุมสูงสุดของอาเซียน ‘อันวาร์ อิบราฮิม’ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ลงลายมือชื่อในฐานะสักขีพยานด้วย เปรียบเสมือนว่าการบรรลุเงื่อนไขในปฏิญญาครั้งนี้ดำเนินการภายใต้การรับรู้รับทราบของประชาคมอาเซียนรวมถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับรู้ข้อตกลงครั้งนี้น่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดี ถ้าเป็นเราก็คงไม่กล้าจะทำอะไรที่นอกเหนือหรือไม่ปฏิบัติตาม"


