PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)

I Can Always Catch You! ‘อนุทิน’ นำแถลงยึดทรัพย์หมื่นล้าน ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’

3 ธ.ค. 2568 - 12:12

  • ‘อนุทิน’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’

  • ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท

  • ลั่นหากพบหลักฐานโยง ‘ระดับสูง’ ไม่มีละเว้น

PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
PhotoStory-บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)
บรรยากาศ ‘นายกฯ’ นำแถลงผลปฏิบัติการ ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก)

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก) ซึ่งเป็นการปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 50 จุด ใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมจับกุมผู้กระทำความผิดและยึดของกลางสำคัญทั้งเรือยอชต์ รถหรู ที่ดิน และอายัดเงินในบัญชี รวมมูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาท

โดยมี ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.), พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. และ เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตลอดจนฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงอย่างพร้อมเพรียง

พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก กล่าวว่า สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผล และบูรณาการร่วมกันระหว่าง ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงประชาชน คณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญ 4 กลุ่มคดีใหญ่ ซึ่งเชื่อมโยงเส้นทางการเงินและการกระทำความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติอย่างชัดเจน

สำหรับรายละเอียดของคดีที่นำมาสู่การยึดทรัพย์ครั้งใหญ่นี้เริ่มต้นจาก คดีเฉิน จื้อ กับพวก ซึ่งเป็นเครือข่ายฉ้อโกงออนไลน์และค้ามนุษย์ที่มีฐานใหญ่ในกัมพูชา เชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท Prince Holding Group โดยพบพฤติการณ์ฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลและสับเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ต่าง ๆ ในรูปแบบไฮบริดสแกม คณะกรรมการฯ จึงสั่งยึดทรัพย์สินกว่า 102 รายการ มูลค่าประมาณ 373 ล้านบาท

ถัดมาคือ คดี ก๊ก อาน (Kok An) เจ้าของอาคารหลายแห่งในกัมพูชา ที่ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการใช้บัญชีม้าสแกนใบหน้าเพื่อโอนเงินและนำเงินที่ได้มาซื้อทรัพย์สินในไทยให้ผู้อื่นถือครองแทน โดยในคดีนี้มีการยึดทรัพย์สิน 90 รายการ มูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท

ส่วนคดีที่มีมูลค่าความเสียหาย และยึดทรัพย์ได้สูงที่สุดคือ คดี แตงไทยฯ กับพวก ซึ่งเชื่อมโยงกับ ยิม เลียก (Leak Yim) และ เบน สมิธ (Smith Ben) บุคคลใกล้ชิดทายาทผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ และมีการโอนเงินหมุนเวียนระหว่างบริษัททั้งในและต่างประเทศอย่างซับซ้อนเพื่ออำพรางธุรกรรม คณะกรรมการฯ จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินประเภทที่ดิน ห้องชุด และหลักทรัพย์ต่าง ๆ จำนวน 66 รายการ รวมมูลค่าสูงถึง 9,279 ล้านบาท

นอกจากนี้ เลขาธิการ ปปง. ยังได้ใช้อำนาจเร่งด่วนยึดรถหรูเพิ่มเติมอีก 3 คัน ได้แก่ ZEEKR รุ่น 009, FERRARI รุ่น 488 GTB และ PORSCHE รุ่น CAYENNE S E-HYBRID COUPE ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินราคา

ขณะที่คดี เอื้ออังกูรฯ กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ชักชวนประชาชนลงทุนเทรดหุ้นผ่านแอปพลิเคชัน ULELA Max โดยสร้างข้อมูลกำไรเท็จเพื่อจูงใจ ก่อนจะนำเงินที่หลอกลวงได้ไปแปลงเป็นเหรียญดิจิทัล (USDT) ส่งต่อไปยังเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยคดีนี้มีการยึดทรัพย์สิน 31 รายการ มูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท

ทั้งนี้ คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวมีผลชั่วคราวไม่เกิน 90 วัน โดยผู้ถูกยึดทรัพย์หรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้มาจากการกระทำความผิด ต่อเลขาธิการ ปปง. ได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า “สำหรับ เบน สมิธ จัดอยู่ในกลุ่มบุคคลเสี่ยงเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ระดับนานาชาติ ไม่ได้ถูกหมายจับ แต่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องการกระทำผิด”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีความเชื่อมโยงกับบุคคลระดับสูง โดยเฉพาะกรณี วรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ที่ยอมรับว่า “รู้จักกับ เบน สมิธ”

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “เรื่องการรู้จักกัน มันก็มีการรู้จักกันได้ แต่นโยบายที่ผมได้มอบหมายให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินการไว้หมด คือ ถ้าเชื่อมโยงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามหลักฐาน และตามการสอบสวนอย่างเคร่งครัด ไม่มีการละเว้น หากจะต้องกลับไปถามว่า บุคคลคนนั้นมีชื่อเสียงแบบนี้ จะมีการละเว้นหรือมีคำสั่งพิเศษใดๆ หรือไม่ ซึ่งผมก็บอกว่า ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดคือ เวลาที่ผมจะทำอะไร ก็ไม่ต้องไปสนใจที่อื่น แต่ให้ดูที่พฤติกรรม

เวลาพวกเราทำงาน ให้ยึดหลัก ‘ปิดชื่อถือพฤติกรรม’ หากออกมาเป็นใครก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหากพวกเราไม่ดำเนินการตามกฎหมาย พวกเราก็จะโดนข้อหาละเว้นฯ เสียเอง

ส่วนกรณีของ ยิม เลียก คือนักธุรกิจชาวกัมพูชาผู้ทรงอิทธิพล ประธานกลุ่ม BIC Group ที่ได้สัญชาติไทยนั้นจากการสมรสกับภรรยาที่เป็นคนไทย โดยอยู่ในหมวด 6 ในบัตรประชาชน ซึ่งได้ให้ข้อสั่งการกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการเพิกถอนสัญชาติ ตามที่เคยทำกับรายอื่นๆ มาก่อนหน้านี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า “ในนามของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรัฐบาล ต้องขอชื่นชมฝ่ายปฏิบัติการทั้งหมดทั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดีอี และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนี่เป็นหลักฐานหนึ่ง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย ละเลย ต่อเรื่องการปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาชญากรรมข้ามชาติ ผู้ก่ออาชญากรรมสแกมเมอร์ทั้งหลาย ตามที่ได้มีบุคคลที่ห่วงใยหลายท่านพยายามที่จะชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนรับทราบว่า รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายปกครอง ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้”

รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาทำงาน 8 สัปดาห์ ผมแทบจะนับครั้งไม่ได้แล้วว่า ผมและ ผบ.ตร.และคณะ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่แถลงข่าวในวันนี้ ไปให้ข้อมูลเวลาจับกุมยาเสพติดทุกประเภท จับกุมยึดทรัพย์ เรื่องของบ่อนการพนัน และการก่ออาชญากรรมทั้งหลาย และการค้าประเวณี ตลอดจนถึงอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อถือและเชื่อมั่นว่า ในเรื่องของอาชญากรรมเหล่านี้ คนที่ทำผิดกฎหมายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลถือว่ามีความสำคัญ และรัฐบาลให้การสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติในทุกรูปแบบ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ และไม่มีการละเว้นให้กับผู้ใด ตามที่ตนบอกว่า ‘ปิดชื่อถือพฤติกรรม’ เป็นหลัก

อีกทั้งได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า “ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ เพราะการสื่อสารกันระหว่างรัฐบาล และผู้ปฏิบัติทุกหน่วยงานมีการสื่อสารกัน ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ตลอดเวลา และมีการยืนยันการสนับสนุนในการดำเนินการทุกครั้ง จึงขอให้เกิดความมั่นใจว่า เราให้ความเป็นธรรมกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งหลาย เพราะคนที่ทำงานเหล่านี้ล้วนแต่มีความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่างๆ เราไม่ทราบว่า เข้าไปแล้วจะไปเจออะไรบ้าง”

“ดังนั้น ขวัญและกำลังใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ พวกเราทำงานและได้รับความเชื่อมั่นและเชื่อถือจากประชาชน พวกเราก็เห็นช้างตัวเท่ามด ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือการที่กลัวประชาชนไม่เข้าใจว่าพวกเราทำงาน และในหลายครั้งเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำงาน ทำทุกวัน ทำโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน และจะทำต่อไป ไม่ใช่แค่มายึดทรัพย์ และขอลาพักร้อนปีใหม่ไปก่อน” พร้อมยืนยันว่าจะขยายผลต่อไป

ฉะนั้น Catch me if you can เราต้องตอบว่า I can always catch you ต้องขอความเข้าใจประชาชนว่าเราจะไม่มีวันหยุดปฏิบัติการเพื่อประเทศของเรา และความปลอดภัยของประชาชนทุกคน

ขณะที่ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า “ธุรกรรมเชื่อมโยงกับการเมือง ได้ตรวจสอบทั้งหมด บางกรณีเป็นเรื่องของการสืบสวนไม่สามารถบอกได้ว่าตรวจสอบใครบ้างเพราะที่ผ่านมาเราก็ตรวจสอบอย่างเงียบๆอยู่นาน แต่หลังนายกฯ กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ และทำเอ็มโอยู 15 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการขยายผลต่อไป”

พร้อมเผยว่า “การตรวจสอบเชื่อมโยงกับหุ้น มีหลายตัว ที่ใหญ่และอายัด เช่น หุ้นของบริษัทบางจาก มูลค่า 6 พันล้านบาท แต่ตอนนี้หุ้นขึ้นมูลค่าก็จะเปลี่ยนขึ้นไป”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์


I Can Always Catch You! ‘อนุทิน’ นำแถลงยึดทรัพย์หมื่นล้าน ‘ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ’