‘อนุทิน’ เชิญชวนพสกนิกรร่วมใจแสดงความอาลัย ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’

25 ต.ค. 2568 - 09:36

  • นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

  • เชิญชวนพสกนิกร ร่วมใจแสดงความอาลัยแด่ ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’

  • น้อมรำลึก ‘แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย’

‘อนุทิน’ เชิญชวนพสกนิกรร่วมใจแสดงความอาลัย ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต โดยมีใจความสำคัญว่า

พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน

วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทย ไม่ปรารถนาให้มาถึงเพราะเป็นวันที่สร้างความโทมนัส และความสูญเสียอันยิ่งใหญ่มายังพสกนิกรชาวไทยทุกคน เมื่อได้ทราบจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต ด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา

ในเวลานี้ มีแต่เสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ดวงใจของพสกนิกรถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความโศกเศร้า ความอาดูรที่ไม่อาจหาคำใดมาทดแทนได้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก และความเมตตาอันเป็นนิรันดร์ การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” ที่ประชาชนทุกคนต่างรักและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นที่เทิดทูนสักการะของปวงชนชาวไทย ทั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ที่สุดแสนประเสิรฐ เป็นหลักชัยของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า สมดั่งพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชาและพระวิริยอุตสาหะมาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โครงการในพระราชดำริ ทั้งด้านศิลปาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสาธารณสุข ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีของราชอาณาจักรไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทย และเป็นที่ยอมรับ ชื่นชมในพระปรีชาสามารถจากนานาอารยประเทศ

ในการนี้ รัฐบาลจะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

กระผม ในนามรัฐบาล และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

และขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงสถิตสถาพรในทิพยวิมาน และขอให้ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้ราชอาณาจักรไทย และปวงชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านให้มีความผาสุขร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ดังที่เคยเป็นตลอดมา

ท้ายที่สุดนี้ ในนามของพสกนิกรชาวไทย ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระราชหฤทัยที่เข้มแข็ง สถิตย์เป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ และราชอาณาจักรไทย ให้มีความสุขสวัสดิ์สถาพรตลอดกาลนาน

รัฐบาลย้ำไม่มีคำสั่งห้ามเอกชนจัดกิจกรรมรื่นเริง

ขณะที่ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอปวงชนชาวไทยร่วมแสดงความอาลัย ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ขอเรียนว่า “รัฐบาลมิได้มีคำสั่งให้ภาคเอกชน ประชาชน งดจัดกิจกรรมรื่นเริงแต่อย่างใด ซึ่งจะแตกต่างจากภาคราชการ และเป็นเพียงการขอความร่วมมือ ให้ท่านใช้ดุลพินิจพิจารณาการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความเหมาะสม ตามความจำเป็น รวมถึงปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับประเพณี วัฒนธรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และภาคเอกชน หากต้องยกเลิกกิจกรรมอย่างกะทันหัน”

อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติสูงสุด และขอปวงชนชาวไทยร่วมใจแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

งานกิจกรรมต่าง ๆ งานบวช งานแต่งงาน งานประเพณีปฏิบัติได้ ไม่ได้มีการห้าม เป็นดุลพินิจตามความเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมจัดงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยจะมีการประกาศให้ผู้เข้าร่วมงานทราบว่าถึงช่วงเวลาของการถวายความอาลัย และการถวายพระเกียรติก่อนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ

ส่วนภารกิจการต่างประเทศมีความสำคัญหลายเรื่อง อาทิ ภาษี การค้า และข้อตกลง ที่จะใช้เวทีอาเซียน เอเปคในการหารือ ซึ่งการประชุมอาเซียนและเอเปคยังได้เชิญผู้นำประเทศคู่เจรจามาร่วมด้วย โดยประเทศไทยเองได้รับการร้องขอการพบหารือผู้นำในแบบทวิภาคีหลายราย ซึ่งล้วนแล้วแต่จะก่อให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะพยายามบริหารจัดการเวลาให้ดีที่สุด ทั้งนี้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 พร้อมปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จะได้ติดตามงานอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย

‘อนุทิน’ นำคณะร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 21.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) โดยมี ดาโต๊ะ ซรี โมฮาเม็ด คาเล็ด นอร์ดิน (Dato’ Seri Mohamed Khaled bin Nordin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย ในฐานะผู้แทนรัฐบาลมาเลเซีย ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

สำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้ (26 ตุลาคม 2568) นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิธีมอบรางวัลอาเซียน (ASEAN Prize) และพิธีลงนามเอกสารรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยจะใช้โอกาสนี้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมย้ำบทบาทไทย ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในการผลักดันอาเซียนให้คงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือที่ครอบคลุม เพื่อให้ภูมิภาคก้าวสู่ความสงบสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เตรียมหารือ ‘ปธน.สหรัฐฯ’ กระชับความร่วมมือเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) เพื่อกระชับความร่วมมือในประเด็นเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค ก่อนเข้าร่วมพิธีลงนาม “Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand” ว่าด้วยแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของสองประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงความจริงใจของไทยต่อการผลักดันกระบวนการสันติภาพชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวภายหลังพิธีดังกล่าว

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์