‘อนุทิน’ เบรคไอเดีย ‘บิ๊กเล็ก’ เมืองคู่แฝด ‘หนองจาน-บันเตียเมียนเจย’ บอกไม่รู้จะตอบยังไง หลังโดนจวกปม ‘คนละครึ่ง’

ที่รัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ชี้แจงกรณีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม มีแนวคิดทำเมืองคู่แฝด บ้านหนองจาน-บันเตียเมียนเจย เพื่อแก้ปัญหารุกล้ำเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ยังไม่คิดเรื่องนี้ ตอนนี้เน้นเรื่องการรักษาอธิปไตยและดินแดนของประเทศ และเน้นเรื่องการทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนแนวคิดนี้ต้องถามความเห็นคนในพื้นที่ก่อนหรือไม่ อนุทิน ระบุว่า คนในพื้นที่ถ้าเป็นคนไทยก็ไม่ต้องถาม เพราะชัดเจนอยู่แล้วถ้าเป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย

🔴 บอกไม่รู้จะตอบยังไง โดนจวก ‘คนละครึ่ง’ โปรยเงินหาเสียงล่วงหน้า ย้อนทุกพรรคอภิปรายหวังหาเสียงทั้งนั้น

ส่วนภาพรวมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันแรก อนุทิน ระบุว่า การอภิปรายการประชุมครบเวลา วันนี้ก็มาฟังอภิปรายต่อ และยินดีรับฟังคำแนะนำจาก สส. และ สว. ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้บันทึกข้อมูลไว้แล้ว เรื่องไหนที่สามารถนําไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ได้ก็จะดําเนินการตามนั้น

ส่วนกรณีที่ สส. พรรคประชาชน อภิปรายพุ่งเป้าไปที่นโยบายคนละครึ่งว่าเป็นการรีบร้อนเกินไป และเป็นการหาเสียงล่วงหน้า อนุทิน ระบุว่า ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเวลาทํางานมีแค่ 4 เดือน และสไตล์การทํางานของ ครม. ชุดนี้ คืออันไหนทําได้ต้องทําเลย ไม่มีคําว่ารีบร้อน มีแต่ทําด้วยความรวดเร็ว และผ่านการกลั่นกรอง ผ่านการดําเนินการ ที่ถูกต้องโปร่งใส มีประโยชน์

ส่วนที่ถูกมองด้านลบว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้า อนุทิน มองว่าทุกพรรคก็หาเสียงหมด การอภิปรายด้วยข้อมูลต่างๆ การอภิปรายให้พี่น้องประชาชนได้เห็นในสภา คือการหาเสียงอย่างหนึ่งเช่นกัน พร้อมขอว่าอย่าจับเรื่องนี้ให้เป็นประเด็น เพราะทุกครั้งที่มีการพูดในสภา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็คือการพูดให้พี่น้องประชาชนฟัง

เมื่อถามว่ารัฐบาลมั่นใจหรือไม่ ว่าโครงการคนละครึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อนุทิน ระบุว่า โครงการคนละครึ่งเน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนลงครึ่งหนึ่ง รัฐลงครึ่งหนึ่ง ฉะนั้นถ้าประชาชนไม่ลง ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร โครงการก็จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนลงครึ่งรัฐลงครึ่ง ก็เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินของการใช้จ่าย ก็น่าจะเป็นการกระตุ้น และเกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินจากทอดสู่ทอด

นอกจากนี้ อนุทิน ยังเปิดเผยว่า การประชุม ครม.นัดแรก หลังการแถลงนโยบายมีหลายวาระ และเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องเร่งทำนโยบายตามที่เราได้แถลงเอาไว้ ส่วนมองอย่างไร ที่คะแนนนิยมของตัวเองดีขึ้นมาจากผลโพลสํารวจ อนุทินไม่ตอบคําถาม โดยบอกว่า “อมโบตันอยู่พูดไม่ค่อยชัด”

🔴 ยังไม่ชัดใช้บัตร 4 ใบ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อ ‘ปชช.’ ทำความเข้าใจได้ อีกประเด็นที่ถูกถามถึง คือ กรณี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเตรียมทำประชามติในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยใช้บัตร 4 ใบ คือ บัตรเลือก สส.เขต , สส.บัญชีรายชื่อ , ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ และ ประชามติยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา รัฐบาลจะทำความเข้าใจประชาชนอย่างไร

อนุทิน ชี้แจงว่า เรื่องนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้องตามบัตรลงคะแนน ส่วนข้อกังวลว่าประชาชนอาจเกิดความสับสน เนื่องจากมีบัตรเลือกตั้งหลายใบในคราวเดียว อนุทิน อธิบายว่า การใช้บัตร 4 ใบ เป็นการคาดการณ์ของบวรศักดิ์ เพราะการลงคะแนนต้องใช้งบประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ที่สำคัญเราต้องไม่ดูถูกภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนที่จะสามารถทำความเข้าใจได้

🔴 รอ ‘กมธ.ศึกษา MOU’ ให้ความเห็น ลั่นถ้าถามผมยกเลิกแน่ ชี้ 20 ปียังตกลงกันไม่ได้จะเก็บไว้ทำไม เมื่อถามว่า MOU ไทย-กัมพูชา ที่จะนำมาลงประชามติจะเป็นฉบับปี 43 หรือ 44 อนุทิน ชี้แจงว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543-2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร กำลังศึกษาอยู่ก็ต้องรอผล หากผลออกมามีความชัดเจนว่าไม่ต้องศึกษา ก็อาจจะยกเลิกได้เลยโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะอำนาจอยู่ที่ครม. เพียงแต่เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการโยนภาระให้ประชาชน แต่เป็นการให้เกียรติมากกว่า เรื่องอะไรที่มีความแตกต่างทางความคิด และเป็นความสนใจเกี่ยวข้องกับอธิปไตยความมั่นคงของประเทศ ซึ่งทอดยาวมานานก็เลยอยากถามประชาชน

นอกจากนี้ อนุทิน ยังอธิบายเพิ่มว่า คำว่า MOU คือ Memorandum of Understanding ถ้า MOU ทั่วไปเค้าจะเขียนว่าภายในสองปีหากไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ก็ต้องถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ดังนั้นต้องดูบริบทใน MOU 43-44 ว่ามีการกำหนดให้มีการสิ้นสุดไปของ MOU นี้หรือไม่อย่างไร หากไม่มีการกำหนดเลย ผมก็จะบอกว่าทำไม 20 ปี ยังไม่มีความเข้าใจ ยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ แล้วจะเก็บไว้ทำไมถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ จึงขอย้ำว่า ถ้าประเทศไทยได้ประโยชน์ก็จะเก็บ แต่ถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ก็จะเลิก

อนุทิน ยังย้ำว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน คือ MOA ตรงนี้ผูกพันเบี้ยวไม่ได้ 4 เดือนต้องยุบสภา แต่ถ้าเป็น MOU หากเกิดความไม่เข้าใจกันเมื่อไหร่ก็ต้องเลิก แต่ก็มีคนพยายามไปตีความว่าจะต้องเลิกทั้งสองฝ่าย ซึ่งส่วนตัวมองว่าถ้าทำแบบนั้นต้องเป็นสัญญา แต่ทั้งนี้คงต้องฟังและถามผู้รู้ทางกฎหมาย เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงให้ข้อมูลว่าเห็นควรจะต้องยกเลิก MOU หรือไม่ อนุทิน ระบุว่า เป็นเรื่องของ ครม. ถ้าจะตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจโดย ครม.