เปิดความลับทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความเชื่อของคนโบราณ ‘ห้ามนอนหลับตอนผีตากผ้าอ้อม’

11 ต.ค. 2568 - 03:00

  • ภาวะ Sleep Inertia หรือความมึนงงหลังตื่นนอนสามารถยืดเยื้อได้นานถึง 30-60 นาที และเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหัวหลังงีบหลับ

  • จังหวะชีวภาพ (Circadian Rhythm) จะถูกรบกวนอย่างรุนแรงเมื่อเข้านอนในช่วงที่แสงสว่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้ระบบประสาทและหลอดเลือดปรับตัวไม่ทัน

  • การงีบหลับที่เหมาะสมควรใช้เวลา 10-20 นาทีหรือครบรอบ 90 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นระหว่างหลับลึก

เปิดความลับทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความเชื่อของคนโบราณ ‘ห้ามนอนหลับตอนผีตากผ้าอ้อม’

ช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินหรือที่คนไทยโบราณเรียกว่า ‘ผีตากผ้าอ้อม’ เป็นเวลาที่ฟ้าหม่นลมเย็นพัดเอื่อย แสงแดดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองแดงก่อนฟ้าจะเลือนรางเป็นสีดำ มันช่างดูงดงามแต่ก็แฝงด้วยความลึกลับ ผู้ใหญ่จึงมักเตือนลูกหลานว่าอย่าเข้านอนช่วงนี้เพราะจะถูก ‘ผีเหยียบหัว’ จนทำให้มีอาการปวดหัว มึนงง อาจฟังดูเป็นเรื่องไสยศาสตร์แต่เมื่อมองผ่านมุมวิทยาศาสตร์กลับมีเหตุผลรองรับอย่างไม่น่าเชื่อ 

ช่วงเวลานี้คือการเปลี่ยนผ่านจากกลางวันสู่กลางคืน เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายยังไม่พร้อมสำหรับการพักผ่อนเพราะสมองของคนเราทำงานตามจังหวะชีวภาพหรือ Circadian Rhythm ซึ่งหมุนเวียนในรอบ 24 ชั่วโมงและช่วงหัวค่ำนั้นยังไม่เข้าสู่โหมดหลับลึก แม้ว่าการเข้านอนช่วงหัวค่ำจะทำให้ฮอร์โมนเมลาโทนินเริ่มหลั่งแต่ก็ยังไม่มากพอ การนอนในช่วงนี้จึงทำให้สมองไม่สามารถจัดการกับระบบการพักผ่อนของร่างกายได้เต็มที่และทำให้เกิดภาวะ Sleep Inertia หรืออาการมึนหลังตื่นนอน เพราะสมองยังทำงานในคลื่นหลับลึกขณะที่ร่างกายเริ่มตื่น ส่งผลให้รู้สึกง่วง มึน ปวดหัว หรือคลื่นไส้ได้นานถึงสองชั่วโมง 

นอกจากนี้ร่างกายยังต้องปรับสมดุลจากอากาศร้อนสู่เย็นทำให้หลอดเลือดหดและขยายตัวสลับกันจนก่อให้เกิดอาการหนักศีรษะ ขณะเดียวกันแสงที่เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นส้มแดงอย่างรวดเร็วทำให้สมองสับสน บางส่วนเข้าใจว่าเป็นเวลาตื่นแต่อีกส่วนเตรียมตัวหลับส่งผลให้รู้สึกไม่สดชื่นแม้จะได้นอนเต็มที่แล้ว 

งานวิจัยในผู้ป่วยไมเกรนยังพบว่าการนอนผิดจังหวะชีวภาพเพิ่มความเสี่ยงของอาการปวดหัวจริง ผู้ที่ชอบงีบช่วงเย็นมักมีอาการรุนแรงและถี่กว่าซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของคนไทยที่ว่า ‘นอนผิดเวลาจะทำให้เลือดเดินไม่สะดวก’ เพียงแต่นี่คือคำอธิบายจากระบบประสาทและหลอดเลือดในสมอง 

แม้โลกปัจจุบันจะเต็มไปด้วยแสงไฟและหน้าจอที่ทำให้เราลืมเวลาแต่ร่างกายยังคงยึดติดกับจังหวะธรรมชาติ การนอนในช่วงเวลาโพล้เพล้จึงเหมือนบังคับให้ระบบภายในหยุดทำงานกลางคัน หากอยากพักผ่อนโดยไม่ให้ ‘ผีเหยียบหัว’ นักวิจัยแนะนำให้งีบช่วงสายถึงเที่ยงไม่เกินบ่ายสองโดยใช้เวลาประมาณ 10–20 นาที หรือถ้าจะนอนยาวควรให้ครบ 90 นาทีเพื่อจบวงจรการหลับ และหลังตื่นควรลุกอย่างช้าๆ ดื่มน้ำและรับแสงธรรมชาติเพื่อปลุกระบบชีวภาพให้กลับมาทำงานเต็มที่ 

สุดท้ายแล้วคำเตือนของคนเฒ่าคนแก่เรื่อง ‘ผีตากผ้าอ้อม’ อาจไม่ใช่เรื่องงมงายแต่คือภูมิปัญญาที่เกิดจากการสังเกตธรรมชาติและฟังเสียงร่างกายอย่างลึกซึ้ง เพราะสิ่งที่เราเรียกว่า ‘ผี’ อาจเป็นกลไกในตัวเราที่กำลังเตือนว่า “ถึงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน อย่าฝืนหลับในยามที่โลกกำลังจะตื่นเลย” 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์