กลายเป็นเรื่องราวที่หลายๆ คนกำลังติดตามในโลกออนไลน์กับกระแสข่าวระหว่างแบรนด์แฟชั่นไทยชื่อดัง POEM กับอินฟลูเอนเซอร์สาวรายหนึ่งหลังจากแบรนด์ออกมาเปิดเผยว่าได้รับผลกระทบจากการทำคอนเทนต์รีวิวเชิงลบที่มองว่าอาจมีเจตนา ‘โจมตี’ มากกว่าการวิจารณ์ตามความเป็นจริง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่ออินฟลูเอนเซอร์สาวคนดังกล่าวเข้าไปใช้บริการที่ร้านของ POEM แล้วภายหลังได้โพสต์คลิปเล่าประสบการณ์ในเชิงวิจารณ์ถึงขั้นตอนการให้บริการของร้าน สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ติดตามอย่างกว้างขวาง แต่ทางฝั่งของแบรนด์กลับมองว่าเนื้อหาดังกล่าวมีลักษณะตั้งใจสร้างความเข้าใจผิดต่อภาพลักษณ์ของร้านมากกว่าจะเป็นการรีวิวทั่วไป
เจ้าของแบรนด์ POEM ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้าที่อินฟลูฯ คนนี้จะเข้ามาใช้บริการเธอได้กดติดตามอินสตาแกรมส่วนตัวของเขามาก่อนหน้า ทำให้ทางแบรนด์ตั้งข้อสงสัยถึงความตั้งใจของอีกฝ่ายว่าการเข้ามาใช้บริการในครั้งนั้นอาจไม่ใช่เพียงเพื่อซื้อสินค้าเท่านั้นแต่มีเป้าหมายเพื่อทำคอนเทนต์บางอย่างเพื่อสร้างกระแส
เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็มีทั้งกระแสเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนมองว่าเป็นสิทธิของลูกค้าในการแสดงความคิดเห็น ขณะที่อีกฝั่งกลับมองว่าการใช้คำพูดและการตัดต่อในคอนเทนต์ของอินฟลูฯ ดูจะมีลักษณะ ‘ปั่นกระแส’ เพื่อเพิ่มยอดวิวมากกว่าการรีวิวอย่างเป็นธรรมตามความเป็นจริง
ต่อมาอินฟลูเอนเซอร์สาวออกมาชี้แจงว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงของแบรนด์และไม่ได้มีข้อตกลงทางการค้าหรือการร่วมงานใดๆ กับ POEM เธอยืนยันว่าเพียงต้องการแบ่งปันประสบการณ์การใช้บริการตามความจริงและรู้สึกเสียใจที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นใหญ่โต ขณะเดียวกัน POEM ก็ได้สื่อสารผ่านช่องทางของตนว่าแม้จะไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับอินฟลูฯ แต่แบรนด์ต้องออกมาชี้แจงเพื่อปกป้องชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์เช่นกัน
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการถกเถียงในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับขอบเขตของ ‘คอนเทนต์รีวิว’ และ ‘การโจมตีทางออนไลน์’ ว่าเส้นแบ่งระหว่างสองสิ่งนี้อยู่ที่ตรงไหน หลายคนมองว่าการรีวิวโดยเฉพาะจากอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากมีผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจดังนั้นการนำเสนอจึงควรมีความรับผิดชอบมากกว่าผู้บริโภคทั่วไป
ด้าน POEM เองก็ย้ำว่าทางแบรนด์ไม่ได้ต้องการจำกัดสิทธิของลูกค้าในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องการให้ทุกคนตระหนักว่าการทำคอนเทนต์รีวิวอย่างไม่รอบด้านอาจสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้แบรนด์ยังสะท้อนมุมมองต่อการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในยุคนี้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่จำนวนผู้ติดตามหรือความโด่งดังของผู้รีวิวแต่คือความเข้าใจในตัวตนและสารของแบรนด์มากกว่า POEM ตั้งใจจะลดการพึ่งพา ‘คนดัง’ ในการสื่อสารและหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องราวของแบรนด์เองเพื่อให้ผู้คนจดจำว่าแบรนด์ต้องการสื่ออะไรมากกว่าจำได้ว่าใครเป็นคนสวมใส่ชุดนั้น
กรณีนี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญให้ทั้งแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ได้ทบทวนวิธีสื่อสารในยุคที่โลกออนไลน์เป็นดาบสองคม การสร้างคอนเทนต์ให้โดดเด่นและเรียกความสนใจเป็นเรื่องหนึ่งแต่การเคารพต่อข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อผู้อื่นก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรถูกละเลย เพราะเพียงโพสต์เดียวอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของคนคนหนึ่งหรือแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิด
