กลายเป็นข่าวฮือฮาสำหรับเรื่องราวของชายวัย 50 ปีรายหนึ่งที่ได้ก่อเหตุด้วยอุปกรณ์เพียงสองอย่างคือฝีปากและโทรศัพท์
เจ้าหน้าที่ตำรวจเขตซองบุกในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาถึงการจับกุมชายวัย 50 ปีรายหนึ่ง หลังจากที่เขาได้โทรศัพท์ไปแจ้งเหตุที่เบอร์สายด่วนฉุกเฉิน 112 (สำหรับประเทศไทยสายด่วนฉุกเฉินคือ 191) มากถึง 58,307 ครั้งในหนึ่งปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าชายผู้นี้ได้สร้างเรื่องสารพัดโดยไม่มีเหตุฉุกเฉินจริงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘โดนขโมยตู้เย็น’, ‘จะปลิดชีพน้องชายตัวเอง’ หรือ ‘แจ้งว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว’ โดยบางสายมีความร้ายแรงมากถึงขั้นต้องมีการสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงพื้นที่และมีการระดมกำลังดังกล่าวมากถึง 51 ครั้ง
ไม่ใช่แค่ปีนี้ที่ชายวัย 50 ปีรายนี้ก่อเหตุ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาเคยถูกเปรียบเทียบปรับมาแล้วฐานโทรป่วนสายด่วนฉุกเฉินแต่แทนที่จะยุติพฤติกรรมไม่สร้างสรรค์เขากลับโกรธจัดโทรป่วนเพิ่มอีก 1,882 ครั้งภายใน 4 วันจนทำเอาเจ้าหน้าที่ฯ กุมขมับกันเป็นแถบ และหากย้อนกลับไปไกลกว่านั้นตั้งแต่ปี 2023 เขาเคยถูกปรับมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ครั้งในข้อหาเดียวกันคือโทรป่วนสายด่วน
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ฯ เผยว่าชายวัย 50 ปีรายนี้มีภาวะเครียดจากการที่เขาตกงานและมีปัญหาครอบครัวร่วมด้วย เขาสารภาพว่าที่ลงมือก่อเหตุเพราะดื่มเหล้าและยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเอง
แต่การยอมรับว่าเสียใจและให้เหตุผลว่าตกงานก็ไม่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฯ ใจอ่อน นอกจากจะโดนคดีอาญาแล้วในขณะนี้เจ้าหน้าที่ฯ เตรียมฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรสาธารณะอย่างสิ้นเปลืองอีกด้วย และยังย้ำว่าการแจ้งเหตุเท็จถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงเพราะอาจทำให้ประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆ เสียโอกาสไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันเวลา


