ใครจะไปคิดว่าชีวิตของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ควรจะเติบโตอย่างมีความสุขตามแบบเด็กๆ คนอื่นทั่วไปอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่วัย 3 ขวบ จากเรื่องราวชีวิตที่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งสู่การพลิกวิกฤตมาเป็นแรงบันดาลใจในการวางแผนทางการเงิน
นี่คือเรื่องราวของ น้องวิน-ภาสวิน ตันตินิติ นักวางแผนการเงินรุ่นใหม่วัย 14 ปีที่ได้รับการเปิดเผยในรายการ "มนุษย์ต่างวัย Talk" ถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวสนใจเรื่องการวางแผนทางการเงินรวมไปถึงมุมมองการใช้ชีวิตที่เติบโตมากกว่าเด็กๆ ทั่วไป เรื่องราวชีวิตของเขาเป็นเช่นไรติดตามอ่านได้ในบทความนี้
จุดเริ่มต้นจากเตียงผู้ป่วยสู่การวางแผนทางการเงินในวัย 14 ปี
เส้นทางสู่การเป็นนักวางแผนการเงินรุ่นเยาว์ของน้องวินเริ่มต้นจากประสบการณ์อันหนักหน่วง การต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดตั้งแต่วัยเด็กพร้อมกับการเข้ารับการรักษาด้วยคีโมเธอราปีและการฉายแสง
"เรามีระเบิดเวลาในตัวที่ไม่เหมือนคนอื่น" น้องวินอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยวุฒิภาวะที่น่าประหลาดใจกับทางรายการมนุษย์ต่างวัย "วันนี้เราไม่สามารถจะมองสุขภาพเป็นต้นทุนได้แล้ว เราก็เลยมองเรื่องเวลาที่เราเริ่มเร็วกว่าเป็นต้นทุน"
การที่น้องวินไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้เนื่องจากโรคประจำตัวทำให้เขาตระหนักถึงความจำเป็นของการมีเงินสำรองสำหรับค่ารักษาพยาบาล เป้าหมายแรกของเขาจึงเป็นการเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน 60,000 บาทภายในระยะเวลาหนึ่งปีซึ่งเป็นจำนวนที่คำนวณมาจากความจำเป็นจริงในการดูแลสุขภาพที่เจ้าตัวต้องคอยหาคุณหมออยู่เป็นประจำ
วิธีหาเงินของเด็กวัย 14 ปี
สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดคือความคิดสร้างสรรค์ในการหารายได้เสริมของน้องวิน เขาไม่เพียงพึ่งพาเงินจากผู้ปกครองแต่ยังสร้างรายได้ด้วยตนเองผ่านหลายช่องทาง การขายขนมในโรงเรียนกลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่สร้างรายได้ประจำให้กับเขา
การใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างชาญฉลาดผ่านช่อง TikTok @win_phassawin ที่ปัจจุบันมีผู้ติดตาม 46,700 คน เขาสร้างรายได้จากการรีวิวสินค้าพร้อมกับการแบ่งปันความรู้เรื่องการเงินสำหรับวัยรุ่น การมี Line Official สำหรับติดต่องานแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพที่น่าประหลาดใจ
รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น การห่อข้าวไปกินแทนการซื้ออาหารในโรงเรียน อาจดูเป็นเรื่องเล็กแต่สะท้อนให้เห็นถึงระเบียบวินัยทางการเงินที่แน่วแน่และมุ่งมั่นว่าเขาจะทำให้ได้ภายในเวลาหนึ่งปีอย่างที่ได้บอกทุกคนไป
หลักการ 20% ในการออมเงินและการลงทุนในโลกของทองคำ
น้องวินมีหลักการจัดสรรเงินที่ชัดเจนโดยตั้งใจออมอย่างน้อย 20% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนต่อโดยช่องทางหลักคือการซื้อทองคำ ปัจจุบันเขามีทองคำสะสมอยู่สองบาทกับอีกหนึ่งสลึงและตั้งเป้าหมายให้เพิ่มขึ้นอีกปีละหนึ่งบาท
การเลือกลงทุนในทองคำแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในการเลือกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและเป็น Safe Haven ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
เมื่อถูกถามถึงเรื่องการจัดสรรเงินสิบล้านบาทในสถานการณ์สมมติว่า ถ้ามีเงินสิบล้านบาทในชีวิตจริงๆ น้องวินจะทำอย่างไร? เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่าจะแบ่งเป็นเงินเก็บสี่ล้านบาท ลงทุนสองล้านบาท ให้พ่อแม่หนึ่งล้านบาท และสามล้านบาททำธุรกิจ การตอบที่รวดเร็วและมีเหตุผลนี้สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนที่รอบคอบของเขา
ทัศนคติต่อหนี้สินและเครื่องมือทางการเงิน
ความเข้าใจของน้องวินเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินต่างๆ นั้นน่าประหลาดใจไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เขาเชื่อว่าถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ และไม่ควรใช้ระบบ Pay Later โดยไม่จำเป็น ทัศนคติที่รอบคอบนี้แสดงให้เห็นถึงการเข้าใจถึงผลกระทบของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีระบบ Pay Later ทำให้คนไทยเป็นหนี้เยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อความเจ็บปวดกลายเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต
เรื่องราวของน้องวินไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวของเด็กที่เก่งในการจัดการเงินแต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบากสามารถกลายเป็นแรงผลักดันในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้ การที่เขาต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางด้านสุขภาพตั้งแต่เด็กทำให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมทางการเงินเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
ประสบการณ์การเป็นผู้ป่วยทำให้เขาตระหนักว่าชีวิตเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด และการวางแผนการเงินที่ดีเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่น่าสนใจคือหากเด็กคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางสุขภาพยังสามารถสร้างแผนการเงินที่มีเป้าหมายชัดเจนและมีวิธีการที่เป็นระบบได้ แล้วเราที่มีสุขภาพดีและโอกาสมากกว่า จะใช้เวลาและโอกาสเหล่านั้นในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองได้อย่างไรบ้าง?