หลังทิ้งท้ายไว้ใน ส่องสถานการณ์ร้อนไทย-กัมพูชา EP.5 ถึงร่องรอยความสัมพันธ์ ทรัมป์-อันวาร์ -ฮุน มาเนต เพื่อสะท้อนให้เห็นเบื้องหลังแนวรบในสงครามการทูตระหว่างประเทศ ยังไม่ทันได้ไปต่อ EP.6 การปะทะรอบใหม่ ไทย-กัมพูชา ก็เกิดขึ้นก่อน และเป็นการรบที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เดือน
ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของไทย เชื่อว่า กัมพูชาจะเปิดแนวรบรอบใหม่กับไทย ในช่วงก่อนเดือนเมษายน 2569 ซึ่งเป็นช่วงหน้าแล้ง และจะเป็นช่วงที่ฝ่ายกัมพูชาสะสมความพร้อมรบสูงสุด ทั้งอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่สาม ตามห้วงเวลาการส่งมอบอาวุธที่ทยอยส่งมอบมาตั้งแต่หลังเดือนกรกฏาคม 2568
นอกจากนี้ เกมการเมืองระหว่างประเทศ ที่กัมพูชาปูทางมาตลอด ตั้งแต่ต้นปี 2568 ก็เริ่มสร้างประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่มีใครคิดว่า กัมพูชาจะเร่งเปิดเกมเร็วขนาดนี้ จนเกิดการตั้งคำถามว่า การปะทะรอบใหม่เชื่อมโยงกับการเมืองในประเทศหรือไม่เพราะเกิดขึ้นท่ามกลางคะแนนนิยมที่กำลังดิ่งเหวอย่างหนักของรัฐบาล ’อนุทิน ชาญวีรกูล‘ จากน้ำท่วมหาดใหญ่ และการพลิกเกมแก้รัฐธรรมนูญ ที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน จน ’อนุทิน‘ ตัดสินใจยุบสภา
แต่เมื่อสังเคราะห์ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ และสังเคราะห์ข้อมูลบางส่วนจากหน่วยข่าวกรองทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหน่วยข่าวต่างชาติ ที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา และเข้าไปแทรกซึมอยู่ในกัมพูชามานานหลายปี…จึงได้ถึงบางอ้อ
อ้อว่า…กัมพูชาไม่อยากรอให้ถึงเมษายน 2569 แม้ว่า ช่วงนั้นอาจจะได้รับสนับสนุนอาวุธมาเพิ่ม และกำลังรบภาคพื้นดินอาจฟื้นตัวจากการรบรอบเดือนกรกฏาคมแล้ว
กัมพูชารู้ดีว่า…หากรอถึงเดือนเมษายน 2569 แม้กัมพูชาจะพร้อมมากขึ้น แต่ไทยก็จะพร้อมมากขึ้นกว่าเช่นกัน
กัมพูชารู้ดีว่า…ฝ่ายไทยมีความเคลื่อนไหว เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ ‘แอนตี้โดรน’ มารับมือการโจมตีจากฝูงโดรนของฝั่งกัมพูชา แม้กระบวนการจัดซื้อของฝ่ายไทยจะล่าช้า แต่เชื่อว่า หากรอบโจมตีในเดือนเมษายน 2569 ฝ่ายไทยอาจตั้งตัวได้ทัน
อ้อ 2 คือ หลังเดือนกรกฎาคม 2568 กัมพูชาได้รับอาวุธมาเพิ่มเติม ในระดับที่มากเพียงพอ จนสร้างความมั่นใจได้ว่า จะสามารถต่อกรกับกองทัพไทยได้ ทั้งปืนใหญ่อัตตาจร เครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถัง และจรวดประทัปบ่าจากพื้นสู่อากาศ
อ้อ 3 คือ กัมพูชาประสบความสำเร็จในการดีลกองกำลังเสริมมาจากต่างชาติ ผ่านบริษัท PMC หรือ Private Military Company ที่เป็นบริษัททหารรับจ้างเอกชน ที่ให้บริการด้านความมั่นคงและการทหาร
รบรอบนี้ กัมพูชาเสริมทัพกองกำลังรับจ้างเพิ่มมา ทั้งกองกำลัง CW : Cyber War fare และกองกำลัง EW : Electronic War Fare รวมถึงกำลังทหารรับจ้างที่เชี่ยวชาญในประเภทต่างๆ
รวมทั้ง 3 อ้อแล้ว ทำให้กัมพูชาเพิ่มความมั่นใจว่า หากเปิดแนวรบกับไทยรอบนี้ น่าจะได้เปรียบมากกว่าขยับไปรบในช่วงเดือนเมษายน 2569 ที่ไทยอาจจะเพิ่มความพร้อมเต็มที่
การรบในรอบนี้จึงได้เห็นศักยภาพกำลังรบในแต่ละด้านของกัมพูชา ที่พยายามแก้เกมการรบของไทยอย่างเต็มที่ ภายใต้การให้คำปรึกษาของที่ปรึกษาด้านการทหาร ที่ส่วนใหญ่เป็นทหารรับจ้างที่เคยเป็นทหารผ่านศึก และผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน
เพียงแต่…กัมพูชาประเมินกำลังรบ และประเมินแผนยุทธการของฝ่ายไทยไม่รอบด้าน และไม่คาดว่า ไทยจะเปิดแนบรบตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่อุบลราชธานีถึงชายแดนด้านจังหวัดตราด
กัมพูชาไม่คาดว่า ไทยจะเปิดการรบทางอากาศอย่างรุนแรง ที่ไม่เพียงป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดนเท่านั้น แต่ยังรุกเข้าโจมตีที่มั่น เส้นทางลำเลียงอาวุธ เส้นทางลำเลียง เพื่อสกัดการส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชา
การเปิดแนวรบทุกด้านอย่างรุนแรง ทำให้การรบช่วงแรก ฝ่ายไทยรุกคืบเข้าไปยึดคืนพื้นที่ได้หลายจุด และล่าสุดยังคงรุกคืบเข้าไปยึดคืนพื้นที่ได้มากขึ้น
ชัยชนะทางภาคพื้นดินของฝ่ายไทย ทั้งในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 1 และพื้นที่ของกองทัพเรือ ภายใต้การสนับสนุนเต็มรูปแบบของกองทัพอากาศ และการยิงสนับสนุนของเรือรบ ทำให้กัมพูชาชะงักไปในระยะแรก
แต่กระนั้น เมื่อตั้งตัวได้ กัมพูชาก็เปิดฉากการรบระยะไกล ด้วยการระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ปืนใหญ่อัตตาจร เครื่องยิงลูกระเบิด ปืน ค.ขนาดต่างๆ และการทิ้งระเบิดจากโดรนโจมตี โดรนกามิกาเซ่ ที่ทำให้ฝ่ายไทยเริ่มสูญเสียเพิ่มขึ้น
ที่มั่นที่เป็นเป้านิ่ง ทั้งภูมะเขือ ช่องอานม้า ช่องบก และล่าสุดปราสาทตาควาย ถูกกระหน่ำยิงจากจรวด BM-21 และปืนใหญ่ขนาดต่างๆ ปืน ค.และโดรนโจมตีอย่างหนัก
พร้อมกับการทำสงคราม IO : Information Operation และ IA : Information Advantage และสงครามทางการทูต ควบคู่กับการรบ
ภาพการตกเป็นเหยื่อและตกเป็นผู้ถูกกระทำ ทำให้ไทยเหมือนเป็นผู้รุกราน จนถูกตำหนิและถูกเมินเฉยจากนานาชาติ เป็นความสำเร็จในระดับนานาชาติ จากสงคราม IO / IA และการทูตแบบล็อบบี้ยิสต์ที่สองพ่อลูก ฮุน เซนและฮุน มาเนต ถนัด
แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย…ถ้าไม่มี The person behind the scenes และ Mastermind
แต่ Mastermind จะเป็นใครนั้นรอเฉลย…พร้อมสถานการณ์การรบที่ไทยต้องปรับตัวนับจากนี้
การยึดคืนพื้นที่ได้ และการต้องตกเป็นฝ่ายรับ…ต้องรับมืออย่างไร
รวมทั้งจะต้องแก้เกมการทูต เกมการเมืองระหว่างประเทศได้อย่างไร…ในขณะที่ไทยอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ และมีแนวโน้มจะถดถอยเป็นรัฐบาลท้องถิ่นมากขึ้น EP.หน้ามาว่ากัน


