ส่งไม้ต่อ ‘ผบ.แมว’ สู่ ‘ผบ.เฟื่อง’ “ดอกไม้ก็มา บัตรสนเท่ห์ก็มี” เสียงลือเสียงเล่าอ้างสะพัดวังเดิม

1 ต.ค. 2568 - 01:29

  • เก่าไปใหม่มา เรื่องเล่าร้อนๆจากการส่งมอบหน้าที่ ผบ.ทร.ไม่ได้มีแค่ดอกไม้ แต่มีบัตรสนเท่ห์ว่อน

  • สัญญาสุภาพบุรุษจาก ผบ.ทร.คนเก่าถึงคนใหม่รักษาไว้ได้หรือไม่ คงต้องรอดูผลลัพธ์บัญชีโยกย้ายฉบับต่อไป

ส่งไม้ต่อ ‘ผบ.แมว’ สู่ ‘ผบ.เฟื่อง’ “ดอกไม้ก็มา บัตรสนเท่ห์ก็มี” เสียงลือเสียงเล่าอ้างสะพัดวังเดิม

แหวกม่านประเพณีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารเรือ มานั่งเป็นเบอร์หนึ่งในวังเดิมจนครบ 1 ปี ล่าสุด ‘ผบ.แมว‘ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ได้ฤกษ์ส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ให้กับ ‘ผบ.เฟื่อง’ หรือ ‘ผบ.โรจน์’ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เข้ามาบริหารกองทัพเรือต่อ 

‘พล.ร.อ.ไพโรจน์’ ซึ่งจบเตรียมทหารรุ่น 24 หรือ ตท.24 จะเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ1 ปี อันเป็น 1 ปี ที่มีการบ้านหนักอึ้งรออยู่ ทั้งการบ้านภายในกองทัพ และการบ้านภายนอกกองทัพที่กองทัพเรือรับผิดชอบชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในเวลานี้ 

การบ้านภายนอกกองทัพ แม้ดูจะเป็นประเด็นร้อน โดยเฉพาะเรื่องชายแดนที่กำลังคุกรุ่น จากการก่อสร้างกาสิโนล้ำแดนประเทศไทย ที่วันนี้ถูกตั้งคำถามจากสังคม ถึงการปล่อยปละละเลยจนเกิดการก่อสร้างขนาดใหญ่ โดยที่ไม่ท้วงติง 

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากมวลชนที่เรียกร้องให้กองทัพ มีท่าทีแข็งกร้าวและใช้มาตรการเด็ดขาดในการผลักดันผู้ที่รุกล้ำเขตแดนออกนอกพื้นที่ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพที่อยากให้มีการผ่อนปรน เพื่อเปิดชายแดนเป็นบางกรณี 

แต่ประเด็นการบ้านนอกกองทัพ ยังไม่ใช่ประเด็นใหญ่ที่กำลังเป็นเผือกร้อนในมือของ ‘ผบ.ไพโรจน์’ เพราะปัญหาความมั่นคงเป็นปัญหาที่กองทัพต้องพร้อมต่อการรับมือทุกรูปแบบ 

แต่การบ้านในกองทัพเรือต่างหาก ที่กำลังเป็นประเด็นแหลมคม และท้าทายความเป็นผู้นำของผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ 

เมื่อเกิดเสียงร่ำลือ และมีบทความที่เขียนโดยคนที่ใช้ฉายานามว่า GEN Love Paknam และคนที่ใช้ชื่อว่า เฒ่าทะเล ถูกส่งต่อไปในไลน์กลุ่มของกองทัพเรือ ทั้งในกลุ่มนายทหารระดับสูง และนายทหารนอกราชการ

เนื้อหามีการระบุถึงการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และบทบาทที่ไม่เหมาะสมของหลังบ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ โดยมีเป้าหมายไปที่ ‘ผบ.แมว’ และภริยา พล.ร.ต.หญิงจีระวัฒน์ กฤษณพันธ์ ว่องวิทย์ ที่ในบัญชีโยกย้ายนายทหารทั้ง 2 ครั้ง ในเดือนเมษายน และเดือนกันยายน ปรากฏชื่อ ’พล.ร.ต.หญิงจีระวัฒน์‘ มีรายชื่อขยับทั้งสองครั้ง

เดือนเมษายน 2568 ขยับจาก น.อ.หญิง ขึ้นเป็นนายพลเรือ ในตำแหน่งผู้ชำนาญการกองทัพเรือ อัตรา พล.ร.ต. 

เดือนกันยายน 2568 ขยับอีกครั้งจากตำแหน่งผู้ชำนาญการกองทัพเรือ เข้าไปดำรงตำแหน่งรองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ

ในบทความยังกล่าวหาการทำงานของ ‘พล.ร.อ.จิรพล’ รวมทั้งยังพาดพิงไปถึงการตัดสินใจ สำหรับการโยกย้ายตำแหน่งระดับสูงที่ ‘ผบ.แมว’ ไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ปล่อยให้คนใกล้ชิดตัดสินใจตำแหน่งสำคัญบางตำแหน่งแทน 

ปัญหาทั้งหมดที่ถูกส่งเข้ามาในไลน์กลุ่ม และเริ่มร้อนแรงในแวดวงนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือกำลังเป็นการบ้านข้อใหญ่ในกองทัพเรือ ที่รอ ‘พล.ร.อ.ไพโรจน์’ เข้าไปสะสาง โดยเฉพาะเมื่อเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสัญญาใจ ที่ ‘พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม’ อดีต ผบ.ทร.เคยฝากไว้กับ ‘พล.ร.อ.จิรพล’ ก่อนจะตัดสินใจเสนอชื่อ ‘พล.ร.อ.จิรพล’ เป็น ผบ.ทร.เมื่อปีที่ผ่านมา   

การส่งต่อจาก ‘ผบ.ดุง’ มายัง ‘ผบ.แมว’ ก่อนที่ ‘ผบ.เฟื่อง’ จะเข้ามารับไม้ต่อ มีสัญญาบางประการที่ ‘ผบ.ดุง’ อยากให้เพื่อนรักในเวลานั้น คือ ‘ผบ.แมว’ สานต่อการแก้ปัญหา ภายในกองทัพ ที่ ‘ผบ.ดุง’ ทำไม่ทันใน 1 ปี และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องลงทุนลงแรง และยอมหักกับทั้งผู้ใหญ่ในกองทัพ ผู้ใหญ่นอกกองทัพ เพื่อเลือก ‘ผบ.แมว’ เข้ามาเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในเวลานั้น 

ปัญหาใหญ่ของกองทัพเรือที่ ‘ผบ.ดุง’ ฝากให้ ‘ผบ.แมว’ สานต่อในการแก้ไข คือ การวางรากฐานใหม่ให้กับกองทัพเรือ เพื่อสร้างบุคลากรแต่ระดับของ ทร.ให้มีความต่อเนื่อง และคืนความเป็นธรรมให้กับนายทหารที่ได้รับกระทบจากการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในช่วงหลายปีก่อน 

บัญชีโยกย้ายนายทหารระดับนายพลของกองทัพเรือ ในปี 2567 พล.ร.อ.อะดุง ได้วางรากฐานการโยกย้ายไว้ 3 ส่วน คือ ส่วนแรก พล.ร.อ.อะดุง ระบุไว้ว่า ให้ความสำคัญกับนายพลในกลุ่มระบบ Fast track ซึ่งเป็นระบบที่ ทร.กำหนดขึ้น ประมาณ 10% กลุ่มนี้เป็นกลุ่มดาวรุ่ง ที่พิจารณาแล้ว หากให้ขยับขึ้นตามอาวุโส นายทหารดาวรุ่งเหล่านี้จะโตไม่ทันขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง

ส่วนที่สอง ประมาณ 60% จะใช้หลักอาวุโส ที่เติบโตมาตามสายงาน และตามระบบ และกลุ่มที่สาม อีกประมาณ 30 % เป็นกลุ่ม reward คือ กลุ่มผู้ที่ขยันและตั้งใจทำงาน หรือกลุ่มนายทหารที่จบจากต่างประเทศ ซึ่งเติบโตช้า โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทำผิดอะไร 

การโยกย้ายปี 2567  ‘พล.ร.อ.อะดุง’ ส่งน้องๆ ตท.26 ที่เป็นดาวรุ่งกองทัพเรือ จากตำแหน่งรองเสนาธิการทหารเรือ ไปทำงานในตำแหน่งแม่ทัพเรือทั้ง 3 ภาค และเป็นเจ้ากรมหลักในหลายตำแหน่งเพื่อให้มีโอกาสทำงาน ทั้งงานด้านบริหาร และงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงทางทะเลทั้ง 3 พื้นที่ เพื่อพิสูจน์ศักยภาพ และสร้างความพร้อม เพื่อก้าวเข้ามาเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการทหารเรือในอนาคต 

นอกจากนั้นยังขยับดาวรุ่ง ตท.27 เข้ามาเป็นรองเสนาธิการทหารเรือ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเป็นฐานต่อจากรุ่น ตท.26 ในการสานต่องานพัฒนากองทัพเรือ โดยเฉพาะ พล.ร.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล ที่เป็นดาวรุ่งของรุ่น

‘พล.ร.อ.อะดุง’ ฝากการบ้านให้กับ ‘พล.ร.อ.จิรพล’ ในฐานะเพื่อนรัก และเป็นคนที่ไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุด โดยมั่นใจว่า พล.ร.อ.จิรพล จะสานต่อแนวคิดพัฒนากองทัพทั้งหมด เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรีสุภาพบุรุษกองทัพเรือให้กลับมาอีกครั้ง 

แต่บทความที่ว่อนกองทัพเรือในวันส่งมอบตำแหน่งระหว่าง พล.ร.อ.จิรพล และพล.ร.อ.ไพโรจน์เนื้อหากลับดูเหมือน 1 ปีของการเป็น ผบ.ทร. ‘พล.ร.อ.จิรพล’ ไม่ได้บริหารกองทัพเรือให้เป็นไปตามสัญญาใจที่เคยรับปาก ‘พล.ร.อ.อะดุง’ ไว้ 

โดยเฉพาะการโยกย้ายครั้งนี้ ที่หลายตำแหน่ง ไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยวางไว้ ตั้งแต่ตำแหน่งหลักในระดับ 5 เสือกองทัพเรือ และนายทหารระดับคุมกำลัง นายทหารที่เป็นนายพลใหม่ ที่มีกระแสข่าวเล่าลือถึงระบบเส้นสาย ระบบหลังบ้าน อันเป็นระบบที่ ‘พล.ร.อ.อะดุง’ เคยต่อต้าน และพยายามที่จะวางรากฐาน เพื่อเป็นแนวทางใหม่ 

บรรยากาศการส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 จึงเต็มไปด้วยดอกไม้ และบัตรสนเท่ห์ 

เป็นบรรยากาศที่เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงร่ำลือเสียงเล่าอ้าง ว่า บรรยากาศที่เคยเกิดขึ้นก่อนปี 2565 ก่อนที่ ‘พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย’ และ ‘พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์’ จะเข้ามาเริ่มความเปลี่ยนแปลง กำลังกลับมาอีกครั้ง 

เงามืด…ที่เริ่มขยับมาครอบคลุมเหนือกองทัพเรือ…กำลังจะเกิดขึ้นอีก?

ทั้งหมดจึงเป็นการบ้านว่า ‘พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์’ ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ จะเลือกเดินแนวทางของ ‘ผบ.แมว‘ หรือเลือกที่จะดึงกองทัพเรือ กลับมาสู่เส้นทางสุภาพบุรุษทหารเรืออีกครั้ง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์