หลังแกนนำระดับตัวตึงในพรรคภูมิใจไทย โสภณ ซารัมย์ ผู้ไม่วอร์รี่กับกระแสโพล ออกมาสำทับเรื่องยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมไล่ให้ไปถามหาความรับผิดชอบจากคนที่ยื่นเอาเอง หากมีผลกระทบใดๆ เกิดขึ้นตามมา
‘เพราะผมประกาศมาก่อนหน้านี้แล้ว คุณยื่นมา ผมก็ยุบ’ โสภณว่าไว้อย่างนั้น
คล้อยหลังคำประกาศดังกล่าว ไม่ว่าจะเพราะมี ‘อินไซเดอร์’ ล่วงรู้ข้อมูลภายในพรรคเพื่อไทยมาก่อน หรือเป็นการข่มขู่ทางการเมือง โดยจับเอาความเดือดร้อนของประชาชนที่เผชิญกับมหาอุทกภัยมาเป็นตัวประกันก็ตาม
ในวันถัดมา จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมา ‘ปฏิเสธ’ พัลวัลเรื่องข่าวการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหลังวันที่ 11 ธันวาคม อาการไม่ต่างจากขี้ผึ้งถูกไฟลน
‘ไม่มีข่าวในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นข่าวที่ไม่มีกระบวนการออกจากพรรคเพื่อไทย ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะมาคุยในนาทีนี้ แต่ยืนยันกระบวนการตรวจสอบพรรคเพื่อไทย ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด’
จุลพันธ์ ย้ำว่า เรื่องการยื่นหรือไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่อยากให้คุยกันตอนนี้ เพราะต้องการให้รัฐบาลไปขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขน้ำท่วมก่อน
‘อยากให้เขามีสติ สมาธิ กลับไปทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้สมบูรณ์กว่านี้ รอฟังว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจะคืบหน้าอย่างไร ค่อยมาคุยกันหลังจากนั้น’
สรุปเพื่อไทย เลือกไม่ตีเหล็กร้อนในจังหวะที่รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ
ช่างดูเป็นฝ่ายค้าน ที่รู้จักจัดลำดับความสำคัญปัญหาก่อนหลัง โดยเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวตั้ง ต่างจากช่วงออกมาเป็นฝ่ายค้านใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับเพลิงแค้น ขู่จะยื่นซักฟอกรัฐบาลทันทีหลังการแถลงนโยบายด้วยซ้ำ
ว่ากันว่า ที่พรรคเพื่อไทยต้อง‘ปรับโหมดใหม่’ ก็เพราะไม่พร้อมเล่นเกมแตกหักกับรัฐบาลในช่วงเวลานี้ ด้วยสภาพภายในที่อยู่ระหว่างการจูนคลื่นเข้าหากัน จึงขาดความพร้อมในการทำศึก ที่สำคัญยังรวมรายชื่อสส.ในพรรคได้ไม่ถึงหนึ่งร้อย ตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ตรงนี้หรือเปล่าที่เป็นข้อมูลอินไซเดอร์ของ ‘โสภณ-ซาเล้ง’
ในขณะที่พรรคประชาชน ทุกคนต่างเฝ้าจดจ่อไปที่การแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2-3 ในวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้ และคอยลุ้นกันตัวโก่งหวังลากไปให้ถึงการลงมติวาระ 3 หลังวันคริสต์มาส เพื่อนำไปสู่การสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นให้ได้
พรรคประชาชน นอกจาก‘ไม่สนใจ’ ยื่นซักฟอกรัฐบาลในเวลานี้แล้ว ยังเคยไปขอร้องพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ยื่นซักฟอกรัฐบาลก่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ด้วย ดังนั้น จึงปิดประตูลั่นดาลกันได้ จะไม่มีการยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้กระมัง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่อยากได้นามสกุล ‘หลีกภัย’ แม้จะเหนื่อยล้ากับการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ แต่ก็ยังยิ้มได้ เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะไม่ยื่นซักฟอกในเวลานี้ และตอบคำถามเรื่องยุบสภาด้วยท่าทีผ่อนคลายว่า
‘หายใจอีกแป๊บเดียวก็ยุบสภาแล้ว’
นับนิ้วดูแล้ว จากวันนี้ไปก็เหลือเวลาอีกเพียง 58 วันเท่านั้น หากยึดตามกรอบเวลาใน MOA ที่พรรคภูมิใจไทยทำร่วมกับกับพรรคประชาชนไว้ คือ ยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569
ยิ่งได้เห็นการ‘ขยับตัว’ ของเหล่า เสือเฒ่า สิงห์หนุ่มทั้งหลาย ที่เคลื่อนไหวย้ายพรรค แต่งตัวรอลงสนามเลือกตั้งกันยกใหญ่ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ก็เตรียมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกันในกลางเดือนนี้
ดูทรงดูทางแล้ว งานนี้ถ้าไม่แอบหลิ่วตา เหยียบเท้า ซูเอี๋ย กันทางการเมือง ก็คงไม่พร้อมทำศึกใหญ่สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะ
เรื่องเกมบีบให้รัฐบาล‘ชิงยุบสภาหนี’ก็เลิกคิด ไม่มีไฟก็ไม่มีควัน ไม่มีการยื่นซักฟอกก็ไม่ต้องยุบสภาก่อน อยู่กันไปถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้าเลย


