พท.กอดรัฐธรรมนูญ ฝ่าสึนามิการเมือง

3 ธ.ค. 2568 - 02:56

  • รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขถูกจับตาว่าจะผ่านการพิจารณาวาระ 3 หรือติดขั

  • หากเกิดการยุบสภาก่อนกำหนด การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไปต่อไม่ได้

  • อาจนำไปสู่การคว่ำร่างในวาระ 3 คือความขัดแย้ง

พท.กอดรัฐธรรมนูญ ฝ่าสึนามิการเมือง

หลังสิ้นสงสัยเรื่องการยุบสภาเร็วก่อนกำหนดกันไปแล้ว คอการเมืองก็หันมาตั้งคำถามเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันต่อว่า "แท้ง-ไม่แท้ง" จะผ่านฉลุยไปได้ทุกด่านหรือจอดป้าย เกยตื้นที่ตรงไหนเสียก่อน

โดยในบรรดาข้อกังวลทั้งหลาย ที่เหล่าขาเชียร์วิตกกันมากสุด คือ การลงมติในวาระ 3 ที่เป็นด่านสุดท้ายของรัฐสภา การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะได้ไปต่อหรือไม่ ก็อยู่ที่ตรงด่านนี้ เพราะหากถูกคว่ำก็ถือว่าจบกันไป

ส่วนใครที่ยังติดใจสงสัย โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ค่อยคิดอ่านแสวงหาหนทางอันอุดมกันอีกครั้ง

ทีนี้ไปดูความเป็นไปของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประวัติศาสตร์ของพรรคสีส้ม ซึ่งผ่านไปอยู่ในมือประธานรัฐสภา รอเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ในวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้ หากฟังจากสุ้มเสียงคนกลางอย่าง สว.นรเศรษฐ์ ปรัชญากร โฆษก กมธ.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังมองเรื่องการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่

นั่นคือ หากเกิดอุบัติเหตุยุบสภาก่อนกำหนดขึ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไปต่อไม่ได้

ในขณะที่การลงมติวาระ 3 สว.นรเศรษฐ์ ก็ยอมรับว่ามีความไม่แน่นอนสูงเช่นกัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในการเมืองของประเทศไทย และเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกรรมาธิการ "อยากให้ประชาชนช่วยกันส่งเสียงว่า อย่าให้การเล่นเกมการเมือง มาเป็นอุปสรรคในการที่จะมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน"

สว.นรเศรษฐ์ ย้ำว่า ส่วนตัวมีความหวังว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรมนูญฉบับนี้แก้ไขได้ จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ติดล็อคของประเทศได้จริง

ในความไม่แน่นอนที่ สว.นรเศรษฐ์ นำมาพูดถึงนั้น ไม่ใช่แค่กลเกมในสภา ที่ใครพรรคไหนคุมเสียงข้างมากเอาไว้หรือมีอิทธิพลเหนือสภาสูงเท่านั้น แต่ไส้ในของของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็มีปัญหาในตัวเองด้วย โดยเฉพาะที่มาองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้เคาะไปแล้วให้มีกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ทำหน้าที่แทน สสร.และมีกรรมการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนอีก 35 คน แทนสภาที่ปรึกษา โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 ซึ่งเปลี่ยนไปจากร่างเดิมของพรรคประชาชน ที่ถูกใช้เป็นร่างหลัก

แต่ตัวแทนพรรคประชาชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ยังยืนยันจะให้กลับไปใช้ตามร่างเดิมที่เสนอไว้ เช่นเดียวกับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในกรรมาธิการเสียข้างน้อยด้วย ก็ยืนยันให้มีการฟื้นสสร.และให้มีกมธ.ยกร่างตามสัดส่วนของตัวเองเช่นกัน

ตรงนี้แหล่ะ ที่จะเป็นจุดความไม่แน่นอน นำไปสู่การคว่ำในวาระ 3 ได้ หากมีการปรับแก้ในวาระ 2 จนผิดไปจากรูปเดิมของกมธ.ซึ่งอาจถูกสภาสูงนำไปอ้างไม่สามารถรับเนื้อหาที่แก้ไขใหม่ได้

แค่นี้ก็ทำให้ไปต่อไม่ได้แล้ว เพราะอาจไปเข้าทางกลุ่มที่ไม่อยากให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นอกจากข้อกังวลที่ว่าแล้ว ยังทำท่าจะมี "ด่านลอย" อยู่อีกด่านที่ กกต.เมื่อฝ่ายสำนักเลขาฯ ออกมาส่งสัญญาณซ้ำเรื่องการจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ให้รัฐสภาหรือ ครม.ต้องแจ้งเรื่องมาที่กกต.อย่างช้า 15 ธ.ค.นี้

ขืนช้ากว่านี้อาจทำให้ไม่สามารถจัดให้มีการลงประชามติพร้อมวันเลือกตั้งได้

เรื่องนี้ทำให้ จาตุรนต์ ฉายแสง กมธ.จากพรรคเพื่อไทย ออกมาโต้แย้งว่าอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย เคยคำนวณเส้นตายไว้วันที่ 30 ธันวาคม พร้อมกับเร่งให้ครม.และรัฐสภา เตรียมการจัดทำคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 ให้กับกกต.ตามแนวทางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้

ลำพังเข็นให้ผ่านวาระ 3 ก็ยากพออยู่แล้ว ยังต้องมาเจอด่านลอยที่ กกต.เพิ่มอีก เพราะบังเอิญมีกรอบเวลา 60 วัน ในพ.ร.บ.ประชามติ ที่ต้องแจ้งให้ กกต.ทราบ ในขณะที่การเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องมีขึ้นภายใน 60 วันเช่นกัน

แต่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เรียบร้อย ไม่รู้จะผ่านวาระ 3 ได้หรือไม่ แถมไม่รู้จะยุบสภาในวันไหนแล้วจะให้แจ้งกกต.ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ได้อย่างไร

งานนี้ถ้ารอดจากการถูกคว่ำในสภามาได้ ก็คงมาติดต่านลอยที่ กกต.อยู่ดี

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ "เดอะอ๋อย" ประธานยุทธศาสตร์เพื่อไทย จึงออกมาเร่งครม.ส่งคำถามประชามติไปให้กกต.เพื่อหวังใช้ประเด็นรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว เป็นเสื้อชูชีพฝ่าสึนามิการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์