นานๆ ครั้ง ถึงจะได้เห็นภาพ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากบ้านมาทำงานในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งปกติจะเป็นวันที่ต้องหมกตัวอยู่กับครอบครัว
แต่การปรับครม.อิ๊งค์ 2 คงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่มิอาจรอให้ถึงวันจันทร์ได้ จึงได้เห็นการนัดหมายรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ณ โรงแรมโรส วูด ที่คุ้นเคยในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์วานนี้(22 มิ.ย.68)
แม้แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เล่นซ่อนหามานาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังมาปรากฎกายร่วมวงด้วย
แสดงว่ากลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่มีเสียงจำนวน 255 + ยังกอดกันแน่น สนับสนุนให้แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่คำนึงถึงเสียงทัดทานที่ถามถึงความชอบธรรมเรื่องคลิปเสียงสนทนากับ "ฮุน เซน" ที่สังคมกังขาแม้แต่น้อย
ไม่ได้สนใจว่าโลกจะระอุไฟสงครามขนาดไหน ชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีปัญหาข้อพิพาทกันปานใด หรือม็อบจะประกาศยกระดับชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลกันวันใด
แต่ปัญหาเร่งด่วนที่รอไม่ได้คือ การปรับครม.อิ๊งค์ 2
เมื่อแบ่งเค้กกันเสร็จสรรพลงตัว ชนิดชิงรวบหัวรวบหาง ป้องกันไม่ให้ตัวเลขเคลื่อนหรือจะอะไรก็ตามแต่ งานนี้ถ้า "เสี่ยพี" ยอมศิโรราบให้แล้ว แรงกระเพื่อมอย่างอื่น โดยเฉพาะในพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงเป็นแค่คลื่นลมธรรมดาเท่านั้น
ความจริงทุกอย่างถูกเคาะมาจากบ้านจันทร์ฯ แล้ว เมื่อวานก็แค่มาถ่ายรูปร่วมกันเป็นพิธี
ทีนี้ก็เหลือแต่การรวมตัวของฝ่ายต้านในนามกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน จะมีพลังพอเขย่ารัฐบาลอิ๊งค์ 2 ได้หรือไม่ เพราะย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงขนาดไหน
การเมืองบนท้องถนนไม่เคยล้มรัฐบาลได้
เช่นเดียวกับการเมืองในสภา ก็ไม่เคยมีฝ่ายค้านชุดไหนล้มรัฐบาลได้เหมือนกัน ยิ่งในยุคฝ่ายค้านเชิงรุกอย่างพรรคส้ม ยิ่งมีข้อจำกัดในการออกอาวุธ เพราะไม่ยอมรับ "มีด-ขวาน" เครื่องมือกลไกตรวจสอบที่เผด็จการตีวางเอาไว้
ส่วนฝ่ายค้านน้องใหม่ "ป้ายแดง" อย่างภูมิใจไทย นับแต่ตั้งพรรคมาก็เพิ่งจะมาสัมผัสรสชาดการเป็นฝ่ายค้านครั้งแรก จึงไม่แน่ใจว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เหลืออยู่ "ครูใหญ่" จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาสมัยเป็นกลุ่ม 16 ให้ได้ทันหรือไม่
แต่อย่างน้อย คงเดินลมปราณถ่ายทอดพลังฝ่ามือประสานเชื่อมกับสภาสูงได้บ้าง
ที่ว่ามา มิได้หมายถึงรัฐบาลอิ๊งค์ 2 จะอยู่รอดปลอดภัย ตีตั๋วยาวไปถึงครบเทอมในปี 2570 ก็หาไม่ เพราะยังมีเรื่องของ "นิติสงคราม" พันธนาการเอาไว้หลายเรื่อง
เอาเป็นว่า ต่อให้เอี้ยวตัวหลบรอดจากปัญหาการเมืองทั้งในสภาและบนถนนไปได้ แต่ด่านกฎหมาย น่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะการยื่นถอดถอนนายกฯ อิ๊งค์ ออกจากตำแหน่งของกลุ่มสว.ที่ถูกส่งไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
เรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯ นี่แหล่ะ ที่หลายคนเชื่อว่าจะเห็นผลได้เร็วกว่า?!
บางคนใจร้อนถึงขนาดคาดเดาเอาว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา อาจมีคำสั่ง "หยุดปฏิบัติหน้าที่" ตามคำขอของผู้ร้องด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นจริงตามนั้น ก็คงจอดตั้งแต่ยกแรก
งานนี้อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ นึกถึงตอนที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กว่าจะรอดมาได้ต้องลุ้นกันตัวโก่ง ส่วน เศรษฐา ทวีสิน ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่พอผลออกมาไม่รอด
ตรงนี้กระมังที่ทำให้ต้องลุ้นเสียวกันสุดๆ
บ้างบอกนี่แหล่ะ ที่ทำให้ต้องเร่งปรับครม.อิ๊งค์ 2 แบบด่วนจี๋ แต่บ้างก็บอกว่างานนี้พรรคเพื่อไทยลัดนิ้วประเมินดูแล้ว ทุกอย่างผ่านฉลุย เพราะได้ "ตั๋วพิเศษ" ให้อยู่ต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนนิติสงครามก็ไร้ปัญหา ม็อบไล่ก็จุดไม่ติด
เอาเถอะ ถ้ามั่นใจขนาดนั้น ก็เดินหน้าต่ออย่าได้รอช้า ส่วนอิ๊งค์ 2 ที่ไปต่อ จะไปต่อได้กี่วันก็รอดูวันเสาร์นี้ก่อนว่าม็อบไล่จะจุดติดหรือไม่