แม้โพลมหิดล ที่นาน ๆ จะเห็นออกหมัดสักทีหนึ่ง จะสนับสนุนให้มีการปรับครม.ด้วยเสียงท่วมท้น และพุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหมกับกระทรวงการคลัง ที่ทั้งปัญหาความมั่นคงและเศรษฐกิจ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศนี้
ถัดมาในวันรุ่งขึ้น นิด้าโพล สำนักเจ้าประจำที่ทำโพลสม่ำเสมอ เปิดผลสำรวจความพึงพอใจและความไว้วางใจต่อการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏว่า คะแนนทั้งสองเรื่องไหลไปอยู่ที่กองทัพทั้งหมด ชนิด 60 ต่อ 10 เมื่อเทียบกับรัฐบาล
ฉุดเรตติ้งรัฐบาลอิ๊งค์ ตกต่ำสุดขีดตั้งแต่บริหารประเทศมา
ดังนั้น การปรับครม.จึงเป็นโจทย์ยากของรัฐบาล ครั้นจะไม่ปรับก็เร้าหรือกันมานาน ถ้าปรับจะปรับภายใต้สูตรไหน ระหว่างตอบโจทย์การเมือง กับการแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะดูทรงแล้วคงค่อนไปอย่างแรกเสียมากกว่า
แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปรับเพียงเพื่อสนองตัณหาการเมืองอย่างเดียว ชาวประชาชีคงรับไม่ได้ ลำพังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ศรัทธา ความเชื่อมั่นก็หมดเกลี้ยง แต่ที่ยังอยู่ได้คงเพราะเห็นแก่ประชาธิปไตย จึงยอมหลิ่วตากันให้ข้างหนึ่งมาตลอด
แม้นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร จะตื่นมาออกงิ้ว เสียงแข็ง กับพ่อลูกตระกูล "ฮุน" เรื่องปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไปเมื่อวาน(16 มิ.ย.68) ก็น่าจะช้าไปหลายก้าว สายจนเลยเพลไปแล้ว
เอาเป็นว่า สถานการณ์รัฐบาลเวลานี้ หากจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้ประชาชนได้ มันน่าจะไปไกลกว่าคำว่าปรับครม.แล้ว หากเปรียบเป็นรถยนต์ ก็ต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด รวมทั้ง ตัวนายกฯ ที่ถูกมองขาดทั้งความรู้ ขาดทั้งวุฒิภาวะ
แต่ในชีวิตจริง การเมืองคงไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้นได้ อย่างน้อยก็มองผ่านลีลาอารมณ์ของ อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคตัวแปรสำคัญในรัฐบาล วันหนึ่งพูดจาขึงขัง เสียงดัง อีกวันลดโทนน้ำเสียงอ่อนลง
ล่าสุดถูกคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาไล่ตะเพิดไปเป็นฝ่ายค้าน แต่หลังเข้าพบหารือกับนายกฯ อิ๊งค์ นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวาน(16 มิ.ย.68) ก็กลับมาสดชื่นแจ่มใสได้อีกครั้ง
"โอ๊ย โล่งอก"
"เสี่ยหนู" อุทานออกมาดัง ๆ ระหว่างถูกนักข่าวรุมซักเรื่องปรับครม. หลังเข้าพบนายกฯ ก่อนเข้าประชุมพรรคภูมิใจไทย เมื่อวาน และหันมายิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ผู้สื่อข่าวที่ถามโล่งอกเรื่องอะไร
ก่อนหน้านั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทินก็ยืนให้นักข่าวซักแบบยาว ๆ ไปรอบหนึ่งแล้ว โดยมีหลายประโยคที่สะท้อนถึงความมั่นใจเรื่องการปรับครม.ที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับเก้าอี้ มท.1
"ไม่มีเรื่องการปรับครม."
เมื่อถามว่า เป็นสัญญาณว่ายังได้นั่งเก้าอี้ รมว.มหาดไทยต่อไปใช่หรือไม่ "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ"
หวังว่าพอเวลาเปลี่ยนคงไม่ต้องมาอธิบายทีหลังว่าสื่อถามนำอีกนะ เพราะยังมีคำตอบชัด ๆ สำทับตามอีกว่า "ผมเคยแสดงความกังวลด้วยหรือ" เมื่อถูกกถามถึงความกังวลต่อเก้าอี้ มท.1
อนุทิน ยังชี้แจงคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยพูดจะยึดคืนเก้าอี้มหาดไทยมาให้พรรคเพื่อไทยด้วยว่า นายกฯ อิ๊งค์ บอกว่า "พูดในฐานะส่วนตัว และเป็นนักวิเคราะห์การเมือง แต่คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบรัฐบาลคือ นายกฯ"
สุดท้ายอนุทิน ตอบคำถามถึงสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาล ต้องมีการนัดดินเนอร์พูดคุยกันหรือไม่ว่า ให้คนที่มีปัญหาเคลียร์ใจกันไป ตนไม่มีปัญหากับใคร แถมมีบางตอนยังพูดเป็นนัยด้วยว่า "ท่านนายกฯ คงให้สัมภาษณ์ในวันที่ 17 มิ.ย."
เมื่อส่งสัญญาณกันชัดขนาดนี้ หลังประชุมครม.วันนี้ ไม่เกินบ่ายอ่อนเรื่องปรับครม.คงได้คำตอบ แต่งานนี้คงยื้อกันอีกนานเพราะครูใหญ่ไม่แผ่ว ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่คืนเก้าอี้มท.ในขณะที่ศูนย์อำนาจ "ตระกูล V" ยังเสียงแตก
"แม่-ลูก" ไม่อยากแตกหัก แต่สอง "พี่-น้อง" ห้าวเป้งต้องแตกหักเท่านั้น ทั้งๆ ที่เรตติ้งเพื่อไทยดำดิ่งไปถึงสะดือโลกแล้ว
รอดูว่าปรับครม.อิ๊งค์ จะออกสูตรไหนระหว่างรอมชอมกับแตกหัก!!