Deep SPACE เริ่มนับหนึ่งรัฐบาลภูมิไจไทย จากนี้ไปก็นับถอยหลังไปอีก 120 วัน แต่ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน หรือดูความได้เปรียบ อาจจะชิงลงมือก่อนก็ได้ พรรคเพื่อไทยที่ยังวนเวียนกับความแค้น พร้อมมั้ยถ้าต้องเจอเกมเลือกตั้งเร็ว ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้
วันนี้ได้ฤกษ์เริ่มต้นนับถอยหลัง 120 วัน เพื่อนำไปสู่การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ซึ่งการยุบสภาจะเกิดขึ้นไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศไว้ชัดๆ ต่างกรรมต่างวาระกันหลายหน
แถมให้คำมั่นพรรคส้มกลางสภาแก้รัฐธรรมนูญเสร็จธันวาคมนี้แน่
แต่ก็ไม่ได้ ‘ปิดประตู’ เสียทีเดียว หากจะให้ยุบสภาก่อนครบ 120 วัน ซึ่งแน่นอนถ้ามีก็คงเป็นการตัดช่องน้อย ชิงยุบสภาหนีตายทางการเมืองมากกว่า คือ ถ้าไม่หนีอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ก็คงหนีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างอื่นไม่น่ามีอะไรที่น่ากลัวเท่าสองสิ่งนี้
นั่นคือ ถ้ามีปัญหาขัดลำกล้องกับพรรคส้มที่เป็นฝ่ายค้ำ แล้วหันไป ‘จับมือ’ กับฝ่ายแค้นอย่างเพื่อไทย ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลขึ้นวันใด เพียงแค่ระแคะระคายว่ามีการเข้าชื่อกัน ก็คงต้องชิงลงมือก่อน ไม่ต้องรอให้ยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะทำให้เสียรังวัดเปล่าๆ
ส่วนประเด็นการ‘ยื่นถอดถอน’ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ปมคุณสมบัติ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง อย่างหลังนี้น่าจะพอมีเวลาหายใจหายคออยู่ เพราะขอขยายเวลาได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง ถ้าจวนตัวใกล้ถึงวันศาลนัดฟังคำวินิจฉัย ค่อยยุบสภาก็ยังทัน
ทีนี้คำถามคือ ในสภาพภาวะไร้หัว ขาดคนคุมหางเสือของพรรคเพื่อไทยที่เป็นอยู่เวลานี้ มีความพร้อมแค่ไหนที่จะลงสู่สนามเลือกตั้ง ลำพังการอภิปรายนโยบายรัฐบาลสองวันที่ผ่านมา ยังเป็นไปแบบไร้ทิศทาง ไม่รู้ใครคุมหางเสือ
ภาพที่ออกมาจึงสะเปะสะปะ เสิร์ฟพลาดอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็น่าเห็นใจไม่น้อย เพราะเพื่อไทยเพิ่งพ้นจากการเป็นรัฐบาลมาหมาดๆ แผลยังสดอยู่ ดังนั้น การจะไปอภิปรายตำหนิคนอื่น ในขณะที่ตัวเองเพิ่งล้มเหลวมา พูดอะไรออกไปจึง ‘ย้อนกลับ’ เข้าหาตัวตลอด
ในขณะที่พรรคประชาชน ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การออกเสียงประชามติและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น คงไม่ยอมเป็น‘หางเครื่อง’ หันมาเล่นในเกมของเพื่อไทยง่ายๆ เพราะจะทำให้เสียการใหญ่เปล่าๆ
ที่สำคัญหากกลับไปกลับมา ‘วันนี้คิดอย่าง พรุ่งนี้ทำอีกอย่าง’ จะตอกย้ำความเป็นพรรคเด็กที่คิดไม่สุด ในอนาคตจะไม่มีใครคบ หาพันธมิตรยาก ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทยยามนี้
ดังนั้น การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยพูดคำโตเอาไว้จะยื่นทันทีหลังการแถลงนโยบายเสร็จ ในชีวิตจริงคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเวลาที่มีอยู่แค่ 4 เดือน ถูก‘ล๊อก’ ตารางงานต่างๆ เอาไว้เกือบทั้งหมดแล้ว
เริ่มจากร่างกฎหมายสำคัญที่ค้างพิจารณาอยู่ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ซึ่งเป็นความหวังของทุกฝ่ายทั้งแดง น้ำเงิน ส้ม ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของร่างหลัก และตกเป็นจำเลยสังคมอยู่เวลานี้ ก็ต้องเร่งทำให้เสร็จ ช้าไม่ได้อีกเช่นกัน
จากนั้น วันที่ 14-15 ตุลาคม ประธานรัฐสภา นัดหมายพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งต้องใช้เวลาและต้องรับหลักการ ตั้งกรรมาธิการให้เสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 30 ตุลาคมนี้
ขืนช้ากว่านั้น เสร็จไม่ทันเป็นของขวัญปีใหม่ให้พรรคส้มที่เป็นฝ่ายค้ำแน่ๆ
เพราะฉะนั้น ในสมัยประชุมนี้จึงแทบไม่มีที่ว่างให้พรรคเพื่อไทย สำหรับการ‘ถอนแค้น’ยื่นซักฟอกรัฐบาลสีน้ำเงิน ต้องรอเปิดสมัยประชุมหน้าในวันที่ 12 ธันวาคมโน่น แต่ทันทีที่เปิดสมัยประชุม ก็ต้องเร่งพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2-3 ต่อ ซึ่งไปคาบเกี่ยวกับบรรยากาศการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อีก
ถึงตอนนั้น ใครจะมีอารมณ์มาสนใจเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะกำลัง ‘เพลิน’ อยู่กับโครงการคนละครึ่งโฉมใหม่ แถมอีกหลายมาตรการกระตุ้นการบริโภค ที่ขุนคลังคนใหม่ประกาศจะนำมาเข็นเศรษฐกิจให้พ้นจากการติดหล่ม
เมื่อพิจารณาตามหน้าเสื่อ หน้าไพ่ตรงนี้แล้ว แทบจะไม่มีเวลาเหลือให้เพื่อไทยได้จับพรรคสีน้ำเงินขึ้นขาหยั่งได้ทัน ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสาละวนกับการจัดทัพ เตรียมคนลงสู้ศึกเลือกตั้งด้วย ซึ่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเหลือเนื้อแท้ที่ภักดีอยู่กับพรรคอีกกี่คน
ยกเว้น ‘เสี่ยสั่งลุย’ เอาแค้นนำหน้า ขอซักฟอกรัฐบาลสั่งลา ระเบิดเขากระโดงไว้ก่อน ก็ต้องไปวัดใจพรรคส้มที่กำลังติดพันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญอยู่จะเอาด้วยหรือไม่
แต่คำถามข้อใหญ่ตอนนี้คือ เพื่อไทยพร้อมแล้วหรือที่จะเล่นเกมเร็ว แล้วไปตายเอาในสนามเลือกตั้ง?!


