DeepSPACE พรรคประชาชนระทึก โหวตรับแก้รธน.ทีละร่าง

9 ต.ค. 2568 - 03:51

  • การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามขั้นตอนในสภาเริ่มต้นแล้ว

  • ให้เวลา 19.30 ชั่วโมง อภิปรายร่างแก้ไข 3 ร่าง จาก 3 พรรค

  • หากร่างไหนก่ำกึ่ง ก็อาจถูกตีตกไปตั้งแต่ต้น พรรคส้มต้องลุ้นมากเป็นพิเศษ

DeepSPACE พรรคประชาชนระทึก โหวตรับแก้รธน.ทีละร่าง

DeepSPACE กำหนดเวลาอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่าง จาก 3 พรรค ให้เวลา 19.30 ชั่วโมง พรรคส้มต้องลุ้นมากกว่าพรรคอื่น เพราะบางหมวด บางมาตราพรรคอื่นไม่เอาด้วย โอกาสถูกตีตกตั้งแต่นับหนึ่งเป็นไปได้สูง ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วยรัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภา เคาะกรอบการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประธานรัฐสภานัดพิจารณาในสัปดาห์หน้า วันที่ 14-15 ตุลาคมกันไปแล้ว

โดยให้เวลาอภิปราย 19 ชั่วโมงครึ่ง แบ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง วุฒิสภา 5 ชั่วโมงครึ่ง และประธานที่ประชุม 1 ชั่วโมง ในการอภิปรายร่างแก้ไข 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอในนามพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้ง 3 ร่าง มีเนื้อหาที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ ‘ที่มาสสร.’ ซึ่งสองร่างแรกของพรรคประชาชนและเพื่อไทย ให้มาจากการเลือกของประชาชนโดยตรง ก่อนส่งให้สภาเลือกอีกครั้ง ขณะที่ภูมิใจไทย ให้ กกต.เปิดรับสมัครในแต่ละจังหวัด แล้วส่งทั้งหมดมาให้สภาเลือกเอาจังหวัดละ 1 คน

เหตุผลคือ ให้ประชาชนได้ ‘มีส่วนร่วม’  และ‘หลบคำ’ วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ส่วนใครจะหลบได้มากได้น้อยกว่ากัน รอไปฟังการอภิปรายในสัปดาห์หน้า

ทีนี้มติสำคัญของวิป 3 ฝ่าย คือ ให้พิจารณาร่างแก้ไขทั้ง 3 ฉบับรวมกัน แต่การลงมติในวาระที่ 1 ให้แยกลงมติทีละร่าง ซึ่งใช้วิธี ‘ขานชื่อ’ สมาชิกทีละคนว่าจะรับ ไม่รับร่างไหนบ้าง หรือรับหลักการทั้ง 3 ร่าง หรือว่าไม่รับหลักการทั้ง 3 ร่าง

ฟังดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร เพราะขานชื่อครั้งเดียว แต่ออกเสียงร่างที่ 1 ร่างที่ 2 และร่างที่ 3 ไปพร้อมกันในคราวเดียวว่าจะรับหรือไม่รับร่างไหนบ้าง หากรับหลักการทั้ง 3 ร่าง ก็ขอมติที่ประชุมอีกครั้งจะใช้ร่างไหนเป็นร่างหลัก จากนั้น ก็ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 42 คน ตามที่ตกลงกันไปยำทั้ง 3 ร่างเข้าด้วยกันในวาระ 2-3 ต่อไป

แต่ที่ไม่ปกติ คือ อาจจะมีบางร่างที่เฉียดๆ หมิ่นเหม่หรือก้ำกึ่งเข้าข่ายขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.ไม่ถึง 67 เสียง ‘ถูกตีตก’ ไม่ผ่านด่านรับหลักการในวาระแรก

ก่อนหน้านี้แม้ ภราดร ปริศนานันทกุล หนึ่งในแกนนำพรรคภูมิใจไทย จะส่งสัญญาญชัดออกมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนว่า พรรคภูมิใจไทย เห็นชอบทั้ง 3 ร่าง ซึ่งสามารถนำมารวมกันเป็นร่างของกรรมาธิการได้

ทว่าในประเด็นเดียวกันนี้ มีบางพรรคการเมืองได้ข้อสรุปกันไปแล้วว่า จะรับหลักการแค่สองร่าง ส่วนอีกหนึ่งร่างไม่รับ เพราะกังวลเรื่องที่มาสสร.ไปขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อันอาจนำไปสู่การร้องเอาผิดจริยธรรมได้

ทีนี้สว.จะว่าอย่างไร ซึ่งหากดูจาการให้สัมภาษณ์ของ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ตัวแทนวิป สว.ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะไม่ติดใจเรื่องที่มาสสร.ของทั้ง 3 ร่าง ‘การได้มาซึ่งสสร.ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก โดยประชาชนไม่สามารถเลือกได้โดยตรง ซึ่งคำวินิจฉัยก็มีมาชัดเจน’

แต่วุฒิชาติ ยืนยันว่ามีสว. 80-90% มีความเห็นตรงกันคือ ไม่เห็นด้วยกับการแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งสว.ไม่เอาด้วยแน่นอน

ขณะที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ตอบคำถามเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ  อาจเป็นการแก้ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เพราะต้องใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า จะต้องหาจุดตรงกลางร่วมกันให้ได้

‘จุดยืนของพรรคประชาชน ยืนยันว่าที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด หากหาทางออกร่วมกันไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถรักษาสัญญาตาม MOA ได้’

‘ถ้าถึงจุดที่รัฐบาลกำลังจะใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือทำลายกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทำให้ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้อีก ก็พร้อมที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ’

ประโยคหลังสุดนี้ ไม่แน่ใจว่าผ่านมาถึงวันนี้จะยังขลังอยู่อีกหรือไม่ เพราะดาบไปอยู่ในมือของคนที่ถืออำนาจรัฐแล้ว และที่สำคัญหากร่างของพรรคประชาชน ถูกตีตกในวาระแรก เพราะได้เสียงสว.ไม่ถึง 67 เสียง ก็คงไปโทษพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสียทีเดียว ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่า ‘กดปุ่มสว.สีน้ำเงิน’ได้ก็เถอะ

ที่สำคัญมองผ่านการออกมาแถลงของโฆษก ป.ป.ช.เมื่อวาน(8 ตุลาคม 2568) ในมือพรรคสีน้ำเงิน ยังมีไพ่อีกหลายใบ

งานนี้ต่อให้มี ‘สัญญาใจ’กันขนาดไหน ก็ต้องเผื่อใจเรื่องอุบัติเหตุการเมืองเอาไว้บ้าง เพราะฟังมาว่าร่างพรรคประชาชน น่าจะเป็น‘สายล่อฟ้า’ ที่ต้องลุ้นระทึกกว่าใครเวลานี้..

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์