DeepSPACE วันนี้รัฐสภาน่าจะได้ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรก ซึ่งจับสัญญาณจากรอบทิศทางแล้ว คงผ่านการรับหลักการไปด้วยกันทั้งสามร่างเหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่า ไม่ต้องการให้เกิดเงื่อนไขสงครามขึ้นตอนนี้ แต่ขั้นตอนจากนี้ไม่ว่ากันอีกครั้ง ติดตามใน Deep SPACE.ลึกกว่าที่รู้
แต่ดูจากการอภิปรายตลอดทั้งวันเมื่อวาน ที่ต่างเปิด‘วอร์’ เข้าใส่กันแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะ สว.ตกเป็นเป้าของ สส.พรรคประชาชน อภิปรายพาดพิงถึงตลอดทั้งเรื่องที่มาไปถึงเรื่องส่วนตัว จนสว.ต้องลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ และทำให้ประธานฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา พลอยเจอ‘ลูกหลง’ เข้าไปด้วยเต็มๆ เมื่อถูก สว.หญิงลุกขึ้นตำหนิ
‘วันนี้ดูแล้วประธานไม่แข็ง’
ทำเอาบรรยากาศที่ทำท่าจะเครียดๆ ผ่อนคลายลงไปได้เยอะ เมื่อประธานฯ ตอบกลับแบบติดตลกว่า ‘เรื่องแข็ง ไม่แข็ง พิสูจน์กันไม่ได้’ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุม
เอาเป็นว่า เนื้อหาสาระส่วนใหญ่วนอยู่กับโมเดลที่มา สสร.สูตรเลี่ยงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกแบบมาแตกต่างกัน 3 ร่าง 3 แนวทาง รวมทั้ง เหตุผลของการต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยพรรคประชาชน ที่เคยนิยามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นเหมือน‘ต้นไม้พิษ’ ลูกที่ออกมาก็เป็นผลไม้พิษด้วย แต่เที่ยวนี้ พริษฐ์ วัชรสินธุ ให้เหตุผลของการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปรียบเทียบกับการมีอากาศที่บริสุทธิ์แทน
‘ผมย้ำว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่รัฐธรรมนูญก็เปรียบเสมือนกับอากาศ เป็นอะไรที่ล่องหน อาจจะดูจับต้องได้ยาก แต่ส่งผลกระทบกับเราทุกวินาที ถ้ารัฐธรรมนูญและอากาศดีบริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าการค้าขาย หรือเศรษฐกิจจะดีขึ้นทันที แต่ถ้ารัฐธรรมนูญและอากาศเป็นพิษ มันจะกระทบแน่นอนต่อสุขภาพของพวกเราในการทำมาหากิน และศักยภาพของประเทศในการแข่งขันกับโลก’
จากต้นไม้พิษ ถึงอากาศบริสุทธิ์ ไม่แน่ใจจะทำให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจเรื่องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เหมือนที่พรรคประชาชนเข้าใจหรือไม่ เพราะเป้าหมายของการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ของ 20 ขุนพลพรรคส้ม คือการทำให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ พูดถึงความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เอาไว้ว่า พรรคประชาชนได้เตรียมเนื้อหาไว้ค่อนข้างครบ ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาใกล้ตัวเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ การแก้ไขระบบถ่วงดุลตรวจสอบ
‘ทำอย่างไรให้ประเทศมีความโปร่งใส กลไกของศาลและองค์กรอิสระ ไม่ถูกใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างทางการเมือง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การส่งเสริมการศึกษา ทำอย่างไรให้ประเทศไทยดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม’
ด้วยเหตุผลที่ว่าข้างต้น ไม่แน่ใจจะมีน้ำหนักพอทำให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างที่พรรคประชาชนได้ชี้แจงหรือไม่
ขณะที่ กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ทำหน้าที่นำเสนอหลักการร่างแก้ไขของพรรคภูมิใจไทย พยามชี้ให้เห็นข้อดีของร่างตัวเอง ที่ยึดโยงกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต่างจากร่างของพรรคประชาชนและเพื่อไทย ที่ให้มี สสร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่ง‘สุ่มเสี่ยง’ ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
‘การแก้รัฐธรรมนูญต้องจริงใจ อย่าเพ้อฝันมาก มองโลกตามความเป็นจริง มั่นใจร่างพรรคภูมิใจไทยเป็นกุญแจไปสู่ความฝันร่วมกันได้ เพราะเข้าใจง่าย ทำได้จริง ไม่สร้างความขัดแย้ง และไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นความสำเร็จที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ได้ทำ’
ด้านพรรคเพื่อไทย ชูศักดิ์ ศิรินิล ชี้แจงแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมว่า เหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร แม้จะระบุเป็นรัฐธรรมนูญ‘ปราบโกง’ แต่มีบทบัญญัติลงโทษนักการเมืองให้พ้นหน้าที่ไม่ชัดเจน โดยมาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง
ถ้าบอกว่าไม่ฝังใจ ก็คงไม่ใช่ เพราะในห้วงเวลาเพียงสองปี มีนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ต้องหลุดจากตำแหน่งด้วยผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อเนื่องกันถึงสองคน ก็พอเข้าใจความรู้สึกพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง และชูศักดิ์ ยังชี้แจงข้อสงสัยเรื่องหมวด 1 หมวด 2 เอาไว้ด้วยว่า
‘ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาแก้หมวด 1 และหมวด 2 เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ระบุชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว’
ชูศักดิ์ หวังว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรค จะได้รับพิจารณา‘เห็นชอบ’ในวาระรับหลักการ
ยกบรรยากาศบางส่วนในวันแรกชองการอภิปราย เอาเฉพาะที่เป็นไฮไลท์สำคัญมาต่อภาพให้เห็น ซึ่งมีทั้งอารมณ์จริงจังและผ่อนคลายปนกัน บนความคาดหวังให้ทั้ง 3 ร่าง ผ่านด่านแรก ‘รับหลักการ’ ไปด้วยกัน ซึ่งก็คงเป็นไปตามนั้น
เพราะนั่นคือ การทำตามคำมั่นที่อยู่ใน MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน รวมทั้ง รับร่างพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมสร้างบรรยากาศที่ดีทางการเมืองไปด้วยกัน
ส่วนหนทางที่เหลือต่อจากนั้น ให้เป็นเรื่องของรัฐสภาไปว่ากันเอง ฟังมาว่าตั๋ว MOA ให้วีซ่ามาแค่ผ่านวาระแรกเท่านั้น.


