DeepSPACE รื้อนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลภูมิใจไทยนาทีสุดท้ายจากกรณี สว.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนถูกปิดเกมยุบสภาก่อนกำหนด สูญเสียทุกอย่างในมือไปแบบง่าย ๆ รวมถึงเสียงสนับสนุน จนต้องออกมาขอโทษ และทำความเข้าใจกับประชาชน ติดตามใน DeepSPACE ลึกกว่าที่รู้
แม้โพลนิด้าล่าสุด คะแนนนิยมพรรคประชาชน(ปชน.) จะยังออกมาดีทั้งคะแนนพรรคและตัวหัวหน้าพรรค โดยยังมาเป็นอันดับหนึ่งในจำนวนตัวบุคคลและพรรคด้วยกัน ไม่นับช่องไม่มีใครเหมาะสมให้เลือก ที่เป็นแชมป์ตลอดกาล
แต่โพลที่ออกมาก็ทำขึ้นในระหว่างวันที่ 4 -12 ธันวาคม ซึ่งคาบเกี่ยวกับเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชารอบสอง ที่มีขึ้นเต็มรูปในวันที่ 8 ธันวาคม และก่อนเหตุการณ์ยุบสภาในคืนวันที่ 11 ธันวาคม
ดังนั้น ผลที่ได้จึงอาจมีความ‘คลาดเคลื่อน’ อยู่บ้าง เนื่องจากทั้งสองเหตุการณ์ข้างต้น พรรคประชาชน มีความเห็นที่‘สวนทาง’ กับกระแสสังคม จนถูกทัวร์ลง และต้องมานั่งล้อมวงขอโทษกันที่สนามหญ้า มศว.ในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา
ภายใต้ชื่องานที่ถูกจัดขึ้นแบบรีบๆ ว่า ‘ปิกนิกเปิดใจพรรคประชาชน พบประชาชน ขอโทษจากใจ ขอไปต่อด้วยกัน’
ในงานมีการระดม 4 หัวหน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัธ ตุลาธน, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ รวมทั้ง แกนนำทั้งในอดีต-ปัจจุบัน มากล่าวเปิดใจตอบคำถามกันเกือบจะพร้อมหน้า หลังถูกกระแสในโลกโซเชียล‘รุมตี’ ที่เดินเกมการเมืองพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยเฉพาะครั้งหลังสุด ที่ตกเป็น‘จำเลย’ ของการยุบสภา มุ่งเอาแพ้-ชนะทางการเมือง โดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองที่มีทั้งผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยความมั่นคงชายแดน ที่กำลังสู้รบกันอย่างหนัก
ปชน.ถูกมองเป็น ‘พรรคเด็ก’ ที่เอาแต่ใจตัวเอง เห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนมากกว่าเรื่องใดๆ แต่สุดท้ายเมื่อสภาถูกยุบ เวทีหาย ความเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ก็สูญสลายไปพร้อมๆ กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้แก้ และต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้น นับหนึ่งกันใหม่
พรรคส้ม ที่ยอมทอดตัวเป็นนั่งร้านการเมืองให้ อนุทิน ชาญวีรกูล ปีนป่ายขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 จึงได้มาเพียงสิ่งเดียวคือ ยุบสภา ในท่ามกลางสถานการณ์ความคับขันของบ้านเมือง ที่ไม่รู้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตอนไหน
ในทางกลับกัน หากค่ำคืนวันที่ 11 ธันวาคม หากพรรคส้ม ยอมปรับท่าที ‘รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว’ ไม่สอบตกทฤษฎี ‘แสวงจุดรวม สงวนจุดต่าง’ หรือยึดหลัก Grand Compromise ที่ผู้นำจิตวิญญาญ นำมาพูดถึงบ่อยๆ คงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
สภาพที่ต้องขนกันมา ‘ปลงอาบัติ’ ทางการเมืองอย่างที่เห็น
ทีนี้ ขอโทษแล้ว จะขอไปต่อได้หรือไม่ จะสามารถปลุกกระแสเรียกคะแนนสนับสนุนให้ได้สส. 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวอย่างที่หวังได้หรือเปล่า
โจทย์ใหญ่ของพรรคส้มเวลานี้ คือ กระแสที่หนุนส่งให้เป็นแชมป์เลือกตั้งหนที่ผ่านมา ยังอยู่กันครบหรือไม่ หรือว่าตกหล่นหายไประหว่างทางในช่วงสองปีที่ผ่านมาไปกี่มากน้อย
เพราะหากย้อนดูผลการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคประชาชน ชนะเลือกตั้ง ได้ สส.เขต 112 บัญชีรายชื่อ 39 รวม 151 ที่นั่ง มีคะแนนจากบัญชีรายชื่อรวมทั่วประเทศ 14,438,851 คะแนน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย มาเป็นอันดับสอง ได้สส.เขต 112 บัญชีรายชื่อ 29 รวม 141 ที่นั่ง คะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 10,962,522 คะแนน พรรคภูมิใจไทย มาเป็นอันดับ 3 ได้ สส.เขต 68 บัญชีรายชื่อ 3 รวม 71 ที่นั่ง มีคะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 1,138,202 คะแนน
พรรคพลังประชารัฐ อันดับสี่ ได้สส.เขต 39 บัญชีรายชื่อ 1 รวม 40 ที่นั่ง มีคะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 537,625 คะแนน พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับห้า ได้สส.เขต 23 บัญชีรายชื่อ 13 รวม 36 ที่นั่ง มีคะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 4,766,408 คะแนน และพรรคประชาธิปัตย์ อันดับหก ได้สส.เขต 22 บัญชีรายชื่อ 3 รวม 25 ที่นั่ง มีคะแนนบัญชีรายชื่อทั่วประเทศ 925,349 คะแนน
ส่วนที่เหลือเป็นพรรคต่ำ 20 เสียง และได้สส.บัญชีรายชื่อจากการปัดเศษพรรคละ 1 ที่นั่ง
ณ เวลานั้น เหล่านักวิเคราะห์ ต่างประเมินที่มาคะแนนบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน จำนวน 14.4 ล้านเสียง ‘เชื่อว่าครึ่งหนึ่ง’ มาจากผู้ที่เคยเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยอยู่พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 และเริ่มมีกระแส ‘เบื่อลุง’ รวมทั้ง อีกส่วนมาจากคะแนนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลดเหลือ 9 แสน ในปี 2566
ต่างพากันเทเสียงให้พรรคส้ม ด้วยเหตุผล‘เบื่อการเมืองแบบเก่า’ และอยากลองของใหม่ เห็นได้ชัดจากชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ในกทม.ที่กวาดมาได้ 32 จากทั้งหมด 33 เขต แถมชนะบัญชีรายชื่ออีกเกือบทุกจังหวัด
แต่ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น การเมืองไทยเจอลมพัดหวล กระแสตีกลับไปที่บ้านใหญ่อีกครั้ง ในขณะที่่ต้นทุนทางการเมืองของพรรคประชาชนเหลือไม่เท่าเดิม หลังผ่านการพิสูจน์ผลงานในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ดังนั้น โอกาสของพรรคส้ม ที่จะดันตัวเองไปให้ถึง 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ จึง‘เป็นไปได้ยาก’พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะไม่มีกระแสหนุนเป็นลมใต้ปีกเหมือนการเลือกตั้งในปี 2566
ขอโทษจากใจ ขอไปต่อด้วยกัน ไม่รู้จะเอาคะแนนจากไหน?!


