DeepSPACE รธน.ฉบับพยับแดด สะดุดปฏิทินยุบสภา 120 วัน

8 ต.ค. 2568 - 02:46

  • การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กลายเป็นเงื่อนตายผูกกันไว้ ยังต้องแก้ปัญหาหลายเรื่อง

  • กรอบเวลาเมื่อเทียบกับการทำประชามติ ยังไม่สอดคล้องกัน

  • ความหวังของพรรคส้มที่พูดแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ห่างออกไปอีก

DeepSPACE รธน.ฉบับพยับแดด สะดุดปฏิทินยุบสภา 120 วัน

DeepSPACE การแก้ไขรัฐธรรมนูญในเวลานี้  ดูเหมือนว่ามีเพียงพรรคส้มเท่านั้นที่ฝันไปไกลว่าจะบรรลุผล ทำได้สำเร็จ แต่พรรคอื่น ๆ ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน  ติดขัดตรงไหนก็ว่ากันไป ถ้าขัดกับกฎหมายก็ทบทวนใหม่  ทำให้ดูเหมือนเดินหน้าแต่ก็ย่ำอยู่กับที่ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

ในขณะที่ฝันของพรรคประชาชน(ปชน.) หรือพรรคสีส้ม เรื่องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำลังใกล้จะเป็นจริง ตามที่ได้ลงทุนทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทยไว้ เพราะรัฐสภานัดหมายพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้

การนับหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นเสียที จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปว่ากันต่อในช่วงปิดสมัยประชุมสภา พอเปิดสมัยประชุมมาอีกครั้งกลางเดือนธันวาคม ก็ไปว่ากันต่อให้จบ ทันก่อนการยุบสภา 31 มกราคมปีหน้า

ลงตัวพอดีกับการทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งใหม่ที่จะมีขึ้น

แต่ฝันของพรรคส้ม ทำท่าจะเป็น‘สวรรค์ล่ม’ เสียตั้งแต่เรือยังไม่ทันได้ออกจากปากอ่าว เมื่อกูรูเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา ไปเจอเข้ากับ 4 ปมใหญ่ ได้แก่

1.คำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เริ่มต้นจากรัฐสภา ดังนั้น กระบวนการต้องมาจากรัฐสภา ไม่ใช่เริ่มจากรัฐบาล

2.กฎหมายเลือกตั้ง สส. กำหนดให้จัดเลือกตั้งใหม่หลังการยุบสภาภายใน 45- 60 วัน ดังนั้น หากยุบสภา วันที่ 31 มกราคม 2569 วันเลือกตั้งสส.ทั่วไปอาจจะเกิดในวันอาทิตย์ ที่ 29 มีนาคม 2569

3.กฎหมายประชามติ ที่ขณะนี้ยังเป็นเนื้อหาฉบับเก่า กำหนดเวลาทำประชามติไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งไม่สามารถทำในวันเดียวกับการเลือกตั้งสส.ได้ แม้กฎหมายประชามติฉบับแก้ไข จะปรับเนื้อหาให้ทำพร้อมกับการเลือกตั้ง และปรับระยะเวลาที่ต้องทำภายใน 60 -150 วันได้ แต่ขณะนี้ฉบับแก้ไขยังไม่มีผลบังคับใช้

4.ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ว่าด้วยประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้ง 4 ข้อข้างต้น ยังไม่นับเนื้อหาในร่างแก้ไขทั้ง 3 ฉบับ ที่ประธานรัฐสภาบรรจุเข้าในระเบียบวาระ มีบางร่างเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็น ‘ที่มาส.ส.ร.’ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ที่เกิดเป็น‘ปุจฉา’ ข้อใหญ่ตามมา หากสส.-สว.คนไหนขืนไปโหวตรับร่าง อาจนำไปสู่การร้องเอาผิดจริยธรรมได้

นั่นเป็นเรื่องเทคนิคที่พอจะปรับแก้ได้ แต่พอสแกนลึกลงไป กลับไปสะดุดปมเรื่อง ‘ปฏิทินยุบสภา’ 120 วัน ที่นับถอยหลังอยู่เวลานี้ จะกลายเป็น ‘เดทล๊อค’ กรอบแห่งความตายของการทำประชามติรัฐธรรมนูญทันที

เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เริ่มต้นจากรัฐสภา จึงต้องมีกระบวนการเสนอญัตติการจัดทำประชามติ จากสภาผู้แทนราษฎร ไปยังวุฒิสภาและครม.ตามลำดับ ทั้งคำถามข้อที่ 1 และ 2

จู่ๆ ครม.จะทำตัวเป็น‘คุณแสนดี’ ดวงตาเห็นธรรม ออกมติรอไว้ล่วงหน้าเหมือนที่นักวิชาการบางคนแนะนำไม่ได้

ถัดมา กว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จสมบูรณ์ ผ่านวาระ 3 ได้ น่าจะใกล้เคียงกับกำหนดเวลายุบสภา 31 มกราคม 2569 เพราะต้องทิ้งไว้ 15 วัน ก่อนลงมติวาระ 3 ซึ่งน่าจะอยู่ในราวกลางเดือนมกราคม

ตรงนี้แหละที่จะเป็นอีกปัญหา เพราะเมื่อนำไปทาบกับกรอบเวลาการเลือกตั้ง 45-60 วัน จะขัดกับกฎหมายประชามติ ที่กำหนดเวลาไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน

ดังนั้น ทางออกที่พอจะมีอยู่คือ การเปิดสมัยประชุมวิสามัญในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว จากนั้น ทิ้งไว้ 15 วัน และไปลงมติวาระ 3 เมื่อเปิดสมัยประชุมในเดือนธันวาคม

ตรงนี้จะไม่มีปัญหากับกรอบเวลา 90 วัน ในกฎหมายประชามติ

ส่วนอีกทาง หากไม่อยากให้มีปัญหาก็ทะลุกรอบข้อตกลง MOA ‘ขยับ’ เวลายุบสภา 120 วันออกไป แต่ไม่ว่าจะออกทางไหน ซ้ายหรือขวา ต้องไปอ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รอประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ดีก่อน

กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เริ่มต้นจากรัฐสภา

รัฐธรรมนูญในฝันของพรรคสีส้ม จึงไม่ต่างจากพยับแดดที่เห็นเป็นเปลวระยิบระยับเป็นภาพลวงตาอยู่ไกลๆ แต่พอเข้าใกล้ก็ถอยห่างออกไปทุกที.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์