นับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายไม่น้อย ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา เมื่อพรรคภูมิใจไทย แพ้เสียงโหวตพรรคประชาชน 287 ต่อ 300 เสียง ในการตัดสินจะยึดร่างของใครเป็นร่างหลักในชั้นกรรมาธิการ
โหวตรอบแรกพรรคภูมิใจไทย เอาชนะไปด้วยคะแนนเฉียดฉิว 297 ต่อ 292
เมื่อคะแนนห่างกันไม่กี่แต้ม พรรคประชาชน จึงขอล้างตานับใหม่อีกครั้ง ซึ่งเสียเวลาเถียงกันไปมาอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายประธานที่ประชุม วันมูหะมัดนอร์ มะทา สั่งให้นับใหม่ด้วยวิธีขานชื่อ ผลดังที่ปรากฎพรรคส้มเป็นฝ่ายชนะ
มองเผินๆ เหมือนเป็นการขึ้นขี่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นครั้งแรกของพรรคส้ม โดยผนึกกำลังกับพรรคเพื่อไทย โชว์พลังส้ม+แดง ข่มขวัญรัฐบาลสีน้ำเงินเอาไว้ก่อน
แต่คงไปสรุปแบบนั้นเลยทีเดียวไม่ได้ เพราะเกมใหญ่คือ การลงมติรับหลักการจบไปแล้ว แถมยังโหวตให้ยึดร่างภูมิใจไทยเป็นร่างหลักผ่านไปแล้วด้วย ดังนั้น สส.หลายคนจึงทยอยเดินทางออกจากสภาไป แม้แต่นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ยังต้องกลับมาโหวตเอาตอนทุ่มเศษๆ
การปะลองกำลังกันยกนี้ แม้ชัยชนะตกเป็นของพรรคส้ม สมคำว่า "ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่เป็นเจ้าของรัฐบาล" ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นกันไปในชั้นนี้ แต่ดูจะเป็นชัยชนะที่ได้เห็นร่องรอยปริร้าวเล็กๆ ปรากฎขึ้น จากการแสดงความไม่พอใจเสียงปรบมือในห้องประชุมของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย
"พฤติกรรมการปรบมือ ข้อบังคับห้าม รู้สึกว่าพวกเราจะปรบมือกันบ่อย..รู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูก"
ต่อจากนี้พรรคภูมิใจไทย คงต้องปรับกระบวนท่า ขันน็อต กุมสภาพกันใหม่ แม้การไม่ได้เป็นร่างหลักจะไม่มีนัยยะหรือเกิดความเสียหายต่อร่างพรรคภูมิใจไทยก็ตาม แต่ในทางการเมืองก็ทำให้เสียทรงไปบ้าง ถึงจะก้อมแก้มยอมรับในความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็เถอะ
อีกเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายไม่แพ้กัน กรณีร่างพรรคเพื่อไทย ถูกคว่ำในวาระแรก เพราะได้เสียงสว.ไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 66 เสียง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยได้มา 60 เสียง ขาดไปอีกแค่ 6 เสียงเท่านั้น
ทั้งๆ ที่ฟังสุ้มเสียงส่วนใหญ่เชื่อว่า สภาจะรับหลักการไปด้วยกันทั้งสามร่าง แล้วไปรวมทุกร่างเข้าด้วยกันในชั้นกรรมาธิการ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีร่วมกัน แต่ก็ถูกคว่ำจนได้
งานนี้ปัญหาอยู่ที่เสียงสว.จึงทำให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจกลางที่ประชุมสภา ลุกขึ้นพูดกึ่งขู่กึ่งตั้งคำถาม "อันตรายนะครับ ถ้าทำแบบนี้" เสมือนปักใจว่ามีคนไปกดปุ่มสว.ให้ตีตกร่างของเพื่อไทย ทำนองนั้น
แต่ตรวจสอบดูแล้ว เรื่องนี้ได้รับการยืนยันเป็นอุบัติเหตุล้วนๆ ไม่ได้เกิดจากการจัดการใดๆ จากฟากสีน้ำเงิน มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ร่างเพื่อไทยไม่ผ่านวาระแรก คือ อารมณ์หมั่นไส้ เพราะไปอภิปรายด่าว่าสว.ไว้เยอะตลอดสองวัน
ทีนี้พรรคเพื่อไทย ในทางการเมืองดูเหมือนจะเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง ไหนร่างของตัวเองจะถูกคว่ำ กลิ้งโค่โร่ ไปตั้งแต่ด่านแรก แต่ยังไปหนุนให้ใช้ร่างพรรคประชาชนเป็นหลัก เพราะต้องการสางแค้นพรรคภูมิใจไทย โดยลืมไปว่าเท่ากับไปสนับสนุนพรรคคู่แข่ง ให้เอาไปเป็นผลงานโม้ในสนามเลือกตั้งได้
การเดินเกมในสภาของพรรคเพื่อไทย หลังออกมาเป็นฝ่ายค้านอิสระ ดูขาดๆ เกินๆ อยู่ตลอด ตั้งแต่การอภิปรายนโยบายรัฐบาลเป็นต้นมา ไม่มีกัปตันทีม ไม่มีคนคอยถือหางเสือ การทำงานในสภาจึงไม่ต่างจากในช่วงท้ายๆ ของรัฐบาลที่มีนายกฯ รักษาการ
วันนี้ถ้ามองรัฐบาลเสียงข้างน้อยเริ่มออกอาการเซ เทียบกับพรรคเพื่อไทยที่อยู่ระหว่างการยกเครื่อง รายหลังน่าจะเข้าขั้นตรีทูตมากกว่า ส่วนชัยชนะของพรรคส้ม ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะชนะไปตลอดไม่
ลำพังเนื้อหาในร่างก็หมิ่นเหม่มากพออยู่แล้ว ไหนจะติดดกรอบยุบสภา 120 วัน แถมกฎหมายประชามติจะอิงกับของเก่าหรือของใหม่ จะได้ใช้ไทม์ไหนก็ยังไม่รู้
ชัยชนะของพรรคส้มหนนี้ จึงเป็นเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น ที่ได้ขึ้นขี่ หลังออกแรงแบกมานานจนหลังแอ่น


