‘ปรื๊นๆๆ ปรื๊นๆๆๆ’
‘ปรื๊นๆๆๆ ปรื๊นๆๆๆๆ’ ... ‘ปรื๊นๆๆๆๆๆๆ’
เสียงแข่งกันบิดเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ ดังปวดหูระงมไปทั้งซอย 4 ของชุมชนล๊อค 1 ย่านชุมชนคลองเตย ในช่วงสายๆของต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในย่านนี้กันไปตามๆ กัน
เมื่อบรรดาแก๊งค์ไรเดอร์ และวัยรุ่นขาซิ่ง ในแถบนี้นัดมารวมตัวกันหน้าปากซอยเพื่อจะจัดรูปขบวนกันไปทำกิจกรรมบางอย่าง ที่ชาวบ้านที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ต่างหวั่นว่า ‘ไอ้ปื๊ด’ หัวโจกประจำซอย กำลังจะพาพวกไปทำกิจกรรมที่ไม่น่าสุนทรีย์ ยกพวกไปปิดซอยคู่อริ ต่อยตีกันอีกหรือไม่?
‘เฮ้ย ไอ้อ๊อด มึงให้เร็วๆหน่อย ไปช้ามันต้องรอคิวนานนะโว๊ย อย่าช้า’
เสียงของไอ้ปื๊ด หัวโจกในย่านล็อค 1 ตะโกนแหกปากเร่งลูกน้องคนสนิท ที่ยังอ้อยอิ่ง ไม่ยอมบิดมอเตอร์ไซค์ออกมาร่วมขบวนเสียที พร้อมกับหันไปบอกบรรดาลูกน้องและสมุนที่เหลือที่กำลังจัดขบวนให้เร่งตามพรรคพวกให้ออกมากันเร็วๆ
‘พวกมึงอย่าช้า ไม่อยากได้เงินฟรีๆหรือไง’ ไอ้ปื๊ด ตะโกนบอกพรรคพวก
‘พวกมึงโหลดแอปฯ กันหมดแล้วใช่ไหม ใครยังไม่ได้โหลด ก็ให้เพื่อนช่วยทำให้นะโว๊ย เดี๋ยวพอไปถึงปั๊ม จะได้รีบไปรับบัตรคิว กูให้อีเจ๊หมวยไปช่วยเป็นหน้าม้า คอยช่วยพวกมึงอยู่ที่โน่นแล้ว แกได้ค่าแนะนำรายละ 500 นะมึง แค่ไปรอถ่ายม่านตา เสร็จปุ๊ป รอรับเหรียญพรุ่งนี้ได้เลย’
‘งานนี้ของฟรีมีจริงโว๊ย กูรับมาแล้ว 50 เหรียญ แม่งแลกได้ตั้งพันห้า ของฟรี ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว’
ไอ้ปื๊ด หันไปโม้กับไอ้แห้ง สมุนอีกคน ที่แสดงสีหน้าสงสัยถึงภารกิจสุดพิสดารที่ลูกพี่กำลังจะพาพรรคพวกออกไปปฎิบัติการในคราวนี้
หลังจากรวมพลกันได้ครบ ขบวนมอเตอร์ไชค์ที่นำโดยไอ้ปื๊ดก็เคลื่อนตัวมายังร้าน ‘ปันชา’ ที่ตั้งอยู่ในปั้มน้ำมัน ปตท.ย่านพระราม 4 เพื่อมาปฎิบัติภารกิจรับแจกเหรียญ ‘โทเคน Worldcoin – WLD’ เพื่อเอาไป ซื้อ-ขาย แลกเป็นเงินบาทอีกทีใน แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย อย่าง Bitazza Binance และ Bitkub

ที่หน้าร้านปันชาแห่งนี้เริ่มคึกคักมาได้ว่าเดือนแล้ว หลังจากมีการโยกย้ายสถานที่จากเดิมที่มีการเปิดจุดให้ ‘ยืนยัน’ ตัวตันจากร้าน ‘บานาน่า ไอที’ มาที่ร้านปันชาแทน ถึงขนาดต้องมีการ ‘กันพื้นที่’ ให้จอดมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับเอาเต้นท์มากางพร้อมเก้าอี้ เพื่อให้ชาวบ้านที่แห่แหนมาจากหลายพื้นที่ในย่านคลองเตยวันละหลายพันคนที่ต่างพากันมาเข้าคิว นั่งรอยืนยันตัวตนผ่านเครื่องแสกน ‘ม่านตา’ ก่อนจะได้รับแจกเหรียญ WLD จำนวน 50 เหรียญ ที่สามารถเอาไปแลกเป็นเงินได้ใน แฟลตฟอร์ม คริปโท เอ็กซ์เชนจ์ ในราคาปัจจุบัน ราวเหรียญละ 32-33 บาท
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงสร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาชาวบ้านในชุมชนแออัดย่านคลองเตย แต่ยังสร้างความ ‘สงสัย’ ให้กับบรรดาผู้คนที่เข้าไปใช้บริการในปั้มน้ำมันแห่งนี้ จนหลายๆคนต้องแอบไปเลียบๆเคียงๆถามถึง มูลเหตุการณ์รวมตัวของชาวบ้านที่ดูจะผิดปกติ
หลายคนพอทราบรายละเอียดก็สนใจ พลอยเข้าร่วมขบวนไปด้วย แต่ก็มีไม่น้อยที่ยัง ‘ระแวง’ เพราะกลัวจะเป็นเรื่องของขบวนการ ‘ต้มตุ๋น’ รูปแบบใหม่อีกหรือไม่?
ปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแรง ซึ่งกำลังกลายเป็นกระแสและชักนำให้ชาวบ้านในแถบย่านชุมชนคลองเตย มารวมตัวกันที่ร้านปันชาแห่งนี้ และอีกหลายๆจุดทั่วประเทศ เพราะหวังได้รับแจกเหรียญดิจิทัลฟรีๆ เพื่อไปแลกเงินบาท คนละราว 1,500 บาท โดยไม่ต้องรอให้รัฐบาลมาแจกเงินหมื่น กำลังจะกลายเป็นอีก ‘มหันตภัย’ ครั้งใหญ่ที่จะตามมาในอนาคตจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้าน
ซึ่งขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างสูง และอาจจะทำให้ตกเป็นเหยื่อจากความโลภ หากไม่ศึกษาให้ดีพอหรือไม่ กำลังเป็น ‘ระเบิดเวลา’ ลูกใหม่ที่อาจจะนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจ และสังคมครั้งใหญ่ที่จะลงลึกไปถึงระดับรากหญ้าหรือไม่
เมื่อไปตรวจสอบย้อนหลังถึงที่มาที่ไปจะพบว่า World เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT และ Alex Blania ซีอีโอ ของ Tools For Humanity โดยโปรเจกต์ Worldcoin และโทเคน WLD เป็นหนึ่งในระบบนิเวศน์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมา พร้อมกับการเข้ามาของ เทคโนโลยี AI ที่จะมีการยืนยันตัวตนด้วยแนวคิด Proof-of-Personhood โดยใช้ระบบแสกน ‘ม่านตา’ เพื่อป้องกันการสวมรอยโดย ‘บ็อท’ หรือ AI

World เป็นเครือข่ายที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะกระจายอำนาจ Decentralized ให้ผู้ใช้ทุกคนที่อยู่ในระบบ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวกลางเพียงคนใดคนหนึ่ง โดยระบบนิเวศน์ของ World จะเกิดจากการทำงานร่วมกันของเครื่องมือ 4 อย่าง ประกอบด้วย
1. World ID คือ ระบบเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดิจิทัล ที่สามารถเก็บรักษาข้อมูลแต่ละบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันได้ คือ ระบบแสกนพิสูจน์ตัวตนด้วย ‘ม่านตา’
2. Worldcoin Token หรือ ตัวย่อ WLD คือ ‘โทเคนดิจิทัล’ ที่ใช้ภายในระบบของ World Network โดยเป็นโทเคนที่จะถูกแจกจ่ายให้ฟรีสำหรับคนที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านระบบ World ID
3. World App คือ แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงิน ซื้อสินค้า และโอนเงินทั่วโลกด้วย Worldcoin โทเคน รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล Stablecoin และสกุลเงินแบบดั้งเดิม โดยจะทำงานบนระบบ ‘บล็อกเชน’ Layer-2 บนเครือข่าย Ethereum เพื่อให้สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมากได้
4. World Chain คือ เครือข่ายที่มีรูปแบบของ Superchain ทำหน้าที่เป็นบล็อกเชนสำหรับ‘มนุษย์อย่างแท้จริง’ ทั้งยังเป็น Open-source ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานบนบล็อกเชนได้ด้วย ต้นทุนค่าธรรมเนียมต่ำ
หากติดตามาถึงบรรทัดนี้ สรุปให้เข้าใจง่ายๆว่า
Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI และ Alex Blania ซีอีโอ ของ Tools For Humanity กำลังจะปั้น ‘โทเคน’ หรือ เหรียญดิจิทัล สกุลใหม่ภายใต้ โปรเจกต์ ‘Worldcoin’ ให้ ‘ปัง’ ขึ้นมาบนโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โดยพยายามสร้างเรื่องราวให้ดูซับซ้อน ดูน่าเชื่อถือ มีความแตกต่างกับ โทเคนดิจิทัล สกุลอื่น พร้อมกับการใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ Air Drop ‘แจกฟรี’ ให้กับคนที่มาลงทะเบียนและยืนยันตัวตนกับระบบ
ถึงแม้จะมีการแจกฟรีโทเคน Worldcoin จำนวน 50 เหรียญ แต่กว่าจะได้มา จะต้องมีการดาวน์โหลด ‘แอปพลิเคชัน’ World App กรอกข้อมูลส่วนตัว จากนั้นผู้ใช้จะต้องไปยืนยันตัวตนด้วยการสแกนม่านตาผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Orb ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ทรงกลมที่ทีมงาน Worldcoin จะนำไปตั้งตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก
World ให้เหตุผลของการเลือกใช้วิธีการสแกนม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน โดยให้เหตุผลว่า ม่านตาของคนเราก็เหมือนกับลายนิ้วมือที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน แถมยังถูกปลอมแปลงได้ยากกว่าลายนิ้วมือ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าคนที่ลงทะเบียนเข้ามาในระบบเป็นมนุษย์จริงๆ
เมื่อผู้ใช้สแกนม่านตากับ Orb สำเร็จ ตัวอุปกรณ์จะไม่ได้เก็บข้อมูล‘ไบโอเมตริก’ ของผู้ใช้ไว้ แต่จะสร้างออกมาเป็น IrisHash หรือชุดรหัสที่สร้างขึ้นมาจากการสแกนและสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้ได้ เมื่อผู้ใช้ได้ IrisHash และกระเป๋าดิจิทัลไปแล้ว พวกเขาก็จะได้รับ World ID และพาสปอร์ตดิจิทัลด้วย
ถึงแม้ Worldcoin จะเพิ่ง ‘อุบัติ’ ขึ้นบนโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงปีเดียว คือเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว โดยมีจำนวนเหรียญราว 10,000 ล้าน WLD โดยกระจายออกมาราว 75% และอยู่ในมือของทีมพัฒนาราว 25% แต่ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก
ในฐานะโปรเจกต์ที่มีความแปลกใหม่ในวงการ พอๆกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา ที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลที่มีการแสกนม่านตา แต่ด้วยกลยุทธ์ Air Drop แจกฟรีให้กับคนทั่วไปในระยะแรก ก็สร้าง ‘แรงจูงใจ’ มากพอให้คนที่สนใจเข้ามาลงทะเบียนรับเหรียญ และเข้าไปเทรดซื้อขายกันอย่างคึกคัก
กลยุทธ์การ‘ปั่นราคา’ ของเหรียญ WLD โดยใช้กลยุทธ์ ‘กุ้งฝอยตกปลากะพง’ ด้วยวิธีการแจกฟรี หรือ Air Drop ได้ผลอย่างมาก เพราะบรรดาผู้ที่ได้รับเหรียญแจกฟรีไป เมื่อ ‘พัดหลง’ เข้ามาถือครองเหรียญแล้ว เมื่อได้เงินจากการขายออกไปแบบฟรีๆ คนละราว 1,500 บาทแล้ว ก็มักจะเกิดความโลภและกลับเข้ามาเทรดซื้อขายเหรียญผ่านกระดานเทรด ‘แพลตฟอร์ม เอ็กซ์เชนจ์’ ต่างๆกันอย่างคึกคัก
จากข้อมูลของเว็บไซต์ CoinMarketCap ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหรียญ WLD มีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap ขึ้นไปสูงถึง 1.79 พันล้านเหรียญ สหรัฐฯ หรือราว 5.8 หมื่นล้านบาท โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ เหรียญละ 1.03 เหรียญ สหรัฐฯ หรือราว 33.50 บาท พุ่งขึ้นมาจากสัปดาห์ที่แล้วถึง 20% จากระดับเหรียญละ 0.87 เหรียญ สหรัฐฯ หรือราว 28.50 บาท

แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคมปีนี้ เหรียญ WLD เคยพุ่งขึ้นไปทำสถิติ All Time High ไว้ที่ระดับ 11.82 เหรียญ สหรัฐฯ หรือประมาณ 385 บาท จะเห็นได้ว่า โทเคน สกุลนี้มีราคาขึ้นลงหวือหวายิ่งกว่า ‘รถไฟเหาะ’ Roller Coaster ขนาดไหน
ความคลั่งไคล้ในเหรียญ WLD ในหมู่นักลงทุนต่างชาติ เคยเป็นกระแสร้อนแรงมาเป็นระยะๆ เมื่อมีการไปทำตลาดในประเทศต่างๆ แต่สักพักราคาก็จะเริ่มปรับตัวลดลง จากการเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อความเสี่ยง
โดยเฉพาะเหรียญ AI ที่ถูกมองว่าเป็น Junk Coin ที่สุดอันตราย ทำให้นักลงทุนหายอาการ ‘เห่อ’ ถึงแม้จะ WLD จะถูกสนใจในช่วงแรกๆจากที่มีผู้ร่วมก่อตั้งคือ Sam Altman และการใช้กลยุทธ์ ‘แจกฟรี’ ให้กับนักลงทุนที่สนใจ
ที่ผ่านมา Worldcoin ใช้กลยุทธ์ Air Drop ทำตลาดปั่นราคาเหรียญ WLD มาแล้วในหลายๆ ประเทศ และเริ่มรุกเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยจับมือกับบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ Com7 ของ ‘สุระ คณิตทวีกุล’ และจับมือกับแพลตฟอร์ม ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล Exchange เจ้าใหญ่ในไทยหลายราย เพื่อให้ช่วยขยายตลาดและสามารถซื้อขายเหรียญในรูปเงินบาทได้ง่ายขึ้น
ผ่านความร่วมมือกับบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ซึ่งเป็น Local Operator ของ World ประจำประเทศไทย เปิดจุดให้บริการ ‘Orb verification’ ยืนยันตัวตน โดยการแสกนม่านตา หลังจากลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น World ID ผ่าน ร้าน Banana IT 10 สาขา ในศูนย์การค้าทั่วกรุงเทพฯ รวมทั้งสาขาของ ‘ปันชา’ ที่กระจายอยู่หลายร้อยแห่งทั่วกรุงเทพฯ
ระยะแรกดูเหมือนจะมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่ม High-end ที่น่าจะมีเงินลงทุนและสนใจในเรื่องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อาจจะเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนใน ‘บิทคอยน์’ หรือ เหรียญดิจิทัลสกุลอื่นมาแล้วบ้าง แต่หลังจากพบว่ามีกระแสตอบรับและได้รับความนิยมค่อนข้างแรง ประกอบกับเป็นจังหวะที่ราคาบิทคอยน์เริ่มปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง ทำให้มีคนไทยแห่เข้าไปเป็นพลเมืองดิจิทัลของ World ID กันนับแสนรายภายในเวลาไม่กี่เดือน
อาจเพราะความสำเร็จที่เกินความคาดหมาย กลางเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านมา World ก็ประกาศจับมือ 11 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ตั้งเป้าขยาย Orb กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศในปี 2568 โดยคาดว่าจะมีคนไทยที่จะถือบัญชี World ID อีกนับแสนรายในปีนี้
มีการจัดงานใหญ่โต อลังการงานสร้าง โดย Tools for Humanity (TFH) บริษัทเทคโนโลยีผู้พัฒนา World ระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ในยุค AI ได้จับมือกับ 2 พันธมิตรหลักอย่าง ศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลและการเงินของประเทศไทย (TIDC) และบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) (MVP) จัดงาน World Day 2025 ครั้งแรกในประเทศไทย
มีการประกาศเปิดตัวความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ 11 พันธมิตรระดับชาติ ได้แก่ COM7, JIB, National Telecom, IMPACT, Pantip, Gogolook (Whoscall), Eventpop, Zentry, Puncha และกระดานดิจิตอล เอ็กซ์เชนจ์ อย่าง Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub ภายใต้แนวคิด ‘World ’ - building trust in the Age of AI
ความจริงก่อนหน้านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล จากอุปกรณ์ Orb ที่ใช้ในการสแกนม่านตา ถึงแม้จะมีการยืนยันว่าระบบจะไม่เก็บภาพหรือข้อมูลชีวมิติใดๆของผู้ใช้งานไว้ถาวร หลังจากทำการแปลงภาพม่านตาให้กลายเป็นรหัสไบนารี หรือ Iris Code แล้ว เพราะภาพต้นฉบับจะถูกลบทันที โดยข้อมูลที่ได้จะถูกเข้ารหัสและจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้งานเท่านั้น โดยข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถย้อนกลับไประบุตัวตนได้
แต่ดูเหมือนราคาของ WLD ที่กลับมาถีบตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรง ก็ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มมองข้ามความสำคัญในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป เพราะไม่มีใครอยากตกขบวน ‘ขาขึ้น’ ของเหรียญ WLD ในรอบนี้ !!!
ลำพังการขยายตลาดด้วยวิธีการ Air Drop หรือแจกเหรียญโทเคน WLD ให้ฟรีๆคนละ 50 เหรียญ เมื่อดาวน์โหลด แอปพลิเคชั่น World ID และไปยืนยันตัวตนด้วยการแสกนม่านตา โดยมุ่งกลุ่มเป้าหมายระยะแรกไปที่กลุ่มนักลงทุนที่พอมีเงินก็ต้องถือว่าเป็นกลยุทธ์การขยายตลาดที่ ‘น่ากลัว’ พอแรงอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนเวลานี้จะ ‘ก้าวข้ามเส้น’ ลงไปเจาะถึงกลุ่มรากหญ้า ผ่านขบวนการ ‘ไรเดอร์’ อย่าง ไอ้ปื๊ด ไอ้อ๊อด ไอ้แห้ง หรือ เจ๊หมวย ซึ่งเชื่อได้เลยว่า ยิ่งทำให้กระแสความนิยมของ เหรียญโทเคน Worldcoin จะถูกพูดถึงกันชนิด ‘ปากต่อปาก’ เร็วเป็น ‘ไฟลามทุ่ง’ ชนิดหยุดไม่อยู่ เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในย่านชุมชนคนคลองเตย และอีกหลายๆจุดทั่วประเทศ
เมื่อมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ตำนานเรื่อง ‘นิทานคนเลี้ยงลิง’ บทใหม่ ในยุคกระแสตื่น ‘ทองดิจิทัล’ กำลังจะกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ซึ่งหากใครหลวมตัวเข้าไปลงทุนในเหรียญ WLD อาจจะต้องประสบวิบากกรรม เวลาที่ราคาดิ่งเหวแรงๆอีกครั้ง เมื่อหมด ‘โปรโมชั่น’ แจกเหรียญฟรี
เรื่องเล่า ‘นิทานคนเลี้ยงลิง’ เริ่มต้นขึ้น ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
วันหนึ่งมีพ่อค้าเดินทางมาถึงหมู่บ้านป่าวประกาศให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าเขาจะรับซื้อลิงในราคาตัวละ 60,000 เหรียญ ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างคิดว่า พ่อค้าคนนี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ลิงอะไรจะมีราคาสูงถึงตัวละ 60,000 เหรียญ
ไม่มีใครเชื่อคำพูดของพ่อค้า จนกระทั่งมีคนในหมู่บ้านคนหนึ่งจับลิง มาขายให้พ่อค้า เขาได้เงิน 60,000 เหรียญกลับบ้าน กลายเป็นข่าวที่ฮือฮามากว่า ‘มีวิธีทำเงินง่ายๆแบบนี้ด้วยหรือ ?’
ข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง ชาวบ้านต่างพากันไปไล่จับลิงไปขายให้พ่อค้ากันจนปริมาณลิงในหมู่บ้านลดลงเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่กี่วัน พ่อค้าประกาศอีกว่าจะขึ้นราคารับซื้อลิงให้ถึงตัวละ 80,000 เหรียญ ทำให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงหมู่บ้านข้างๆ
ชาวบ้านที่หมู่บ้านข้างๆจึงระดมคนมาจับลิงเพื่อขายให้พ่อค้า จนลิงเริ่มหายากขึ้นทุกที และต่อมาพ่อค้าก็ออกมาประกาศว่าจะขึ้นราคาลิงให้อีกเป็นตัวละ 100,000 เหรียญ
คราวนี้ ชาวบ้านเริ่มไม่หลับไม่นอน ถึงขนาดยอมดั้นด้นเดินทางไปที่หมู่บ้านต่างอำเภอเพื่อหวังจะจับลิงมาขายให้พ่อค้าคนนี้ พร้อมกับข่าวที่กระจายตัวกันเป็นวงกว้างมากขึ้น
ชาวบ้านกำลังรออย่างใจจดใจจ่อสำหรับการประกาศรับซื้อครั้งต่อไป ...
แต่ต่อมาไม่นานพ่อค้าก็ประกาศว่าเขาจะเดินทางกลับบ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และเมื่อเขากลับมาเขาจะรับซื้อลิงที่ราคาตัวละ 200,000 เหรียญ
ก่อนกลับบ้าน เขาสั่งให้ลูกจ้างดูแลลิงที่เขาซื้อมาทั้งหมดในกรงให้ดี และพ่อค้าก็เดินทางกลับบ้านไป …
ชาวบ้านรู้สึกเสียดายมากที่ไม่มีลิงให้จับขายอีก เพื่อที่จะขายมันได้ในราคา 200,000 เหรียญ
แต่ลูกจ้างตัวแสบ มาเสนอ ‘ไอเดีย’ มาบอกพวกเขาว่าจะแอบขายลิงให้ที่ราคาตัวละ120,000 เหรียญ และเน้นย้ำว่า ‘อย่าไปบอกใครล่ะ’
แน่นอนข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพ่อค้าจะซื้อลิงที่ราคาตัวละ 200,000 เหรียญเท่ากับจะมีกำไรทันที 80,000 เหรียญ สำหรับลิงแต่ละตัว โดยไม่ต้องดิ้นรนไปจับในป่า
วันรุ่งขึ้น ชาวบ้านมาแย่งซื้อลิงกับลูกจ้างกันอย่างบ้าคลั่ง บางคนถึงกับกู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อลิง
ลูกจ้างสามารถขายลิงทั้งหมดที่ตัวละ 120,000 เหรียญ จนหมดกรง
ชาวบ้านดูแลลิงของพวกเขาอย่างดีและรอให้พ่อค้ากลับมา ….
แต่รอแล้วรอเล่า จากวันเป็นสัปดาห์ และผ่านไปหลายเดือน พ่อค้าลิงก็ไม่กลับมา ! …
พวกเขาก็วิ่งไปตามหาลูกจ้างเลี้ยงลิง…
แต่ลูกจ้างก็หนีหายไปแล้วเช่นกัน !
บรรดาชาวบ้านจึงรู้ว่าพวกเขาถูกหลอก พวกเขาได้ซื้อลิงที่ไม่มีค่าอะไรเหลืออยู่สูงถึงตัวละ 120,000 เหรียญ มาเก็บเอาไว้ และไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันต่อไป...
จบนิทานคนเลี้ยงลิง
คงต้องรอดูว่า นิทานคนเลี้ยงลิง เรื่องนี้จะเป็นจริงอีกไหมใน พ.ศ.นี้ และต้องฝากถามดังๆไปถึง ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไทย ที่จนป่านนี้ยังคงไม่ ‘ตื่น’ ปล่อยให้ชาวบ้านต้องเดินเข้าสู่ กับดักแห่ง ‘หายนะ’ โดยไม่แม้แต่จะออกมาส่งสัญญาณเตือนใดๆ
เอวัง ก็มีด้วยประการละฉะนี้ แล...