EP.ที่ผ่านมา ลองเทียบเคียงปรากฏการณ์ ‘เจนนี่‘ กับปรากฏการณ์ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ความต่างหรือความเหมือน ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ใครตกกระแส คนนั้นพลาดโอกาสขึ้นรถไฟความเร็วสูง ที่มีสถานีปลายทาง ต่างกัน
ปรากฏการณ์ ‘เจนนี่‘ สถานีปลายทาง คือ ยอดขาย และความสำเร็จในการโปรโมทสินค้า รวมทั้งการยอด Engagement หรือการเข้าถึงชุมชนขนาดใหญ่ของผู้ติดตาม ‘เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น’ ที่มีมากกว่าล้านราย
ส่วนปรากฏการณ์ ‘แม่ทัพกุ้ง’ สถานีปลายทาง คือ การมีส่วนร่วมในเวทีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่หลังการรบในสมรภูมิ 5 วัน เหตุการณ์นั้นได้สร้างวีรบุรุษขึ้นมามากมาย
วันนี้จึงไม่แปลกที่หลายฝ่าย หลายภาคส่วนและหลายคน ต่างก็กระหายอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีนี้ ตลอดแนวชายแดนกว่า 800 กิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานีจนถึงจังหวัดตราด
ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนทั้งกองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด เต็มไปด้วยสงครามข้อมูลข่าวสาร สงคราม IO : Information Operation และที่กำลังพัฒนาขึ้นเป็น IA : Information Advantage เป้าหมายเพื่อช่วงชิงความโดดเด่น และเป็นขวัญใจมวลชน
ในสถานการณ์ความขัดแย้งรอบนี้ สื่อออนไลน์หรือแม้กระทั่งสื่อกระแสหลัก นักวิเคราะห์ และ Influencer ต่างเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคลอโรฟิลในการสังเคราะห์แสง ด้วยการขยายผลข้อมูลให้กับบรรดานักสร้างแสง ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การใช้โลกออนไลน์เป็นช่องทางการปล่อยข้อมูล การสร้างกระแส ขอเพียงประกาศแนวทางชาตินิยม ยอด Engagement และยอดติดตาม ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับความนิยมในตัวละครที่พุ่งขึ้นสูงลิ่วในระยะเวลาอันสั้น
ตรงข้าม หากต้องการดิสเครดิต หรือบั่นทอนความศรัทธาใคร เพียงแค่ปล่อยข้อมูลทางลบที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายกัมพูชา แค่กระพริบตา คนๆนั้นก็อาจตกเป็นจำเลยสังคมทันที
ปรากฏการณ์ที่เห็นเด่นชัด คนแรก คือ พล.อ.อมฤต บุญสุยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่ตกเป็นจำเลย และติดลบในโลกโซเชียล เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากท่าทีที่ไม่สอดรับกับความต้องการของมวลชนในเวลานั้น ที่ต้องการเห็นกองทัพภาคที่ 1 เปิดปฏิบัติการอย่างเฉียบขาด และผลักดันชาวกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองจานออกจากพื้นที่ที่มวลชนเชื่อว่า เป็นเขตประเทศไทย
กระทั่งวันนี้ แม้ พล.อ.อมฤต จะขยับขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.แล้ว ก็ยังลบกระแสการโจมตีในโลกโซเชียลไม่ได้ อันจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงเส้นทางการเติบโตของพล.อ.อมฤต ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (EP.ถัดไปจะมาขยายข้อมูลรายละเอียดส่วนนี้)
อีกรายที่ตกเป็นเป้าโจมตีและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบด้าน คือ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ พล.ท.วีรยุทธ์ รักศิลป์ หรือแม่ทัพเติ่ง เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ของผบ.ปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2
พล.ท.วีรยุทธ์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 เต็มตัวได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ ถูกรับน้องด้วย 2 ประเด็นใหญ่ คือ คำถามถึงความเห็นเรื่องปราสาทคนา และ การสร้างรั้วกั้นแนวเขตแดนไทย – กัมพูชา
คำตอบของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ที่มีฐานะทั้งตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุม RBC กองทัพภาคที่ 2 ที่ให้ความเห็นคล้ายกันทั้งสองเรื่องว่า ยังคงต้องรอความชัดเจนเรื่องแนวเขตแดน และการพิสูจน์สิทธิ์
ปราสาทคนา หากเป็นแผนที่ 1 : 50,000 แน่นอนว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย แต่หากใช้แผนที่ 1: 200,000 ก็ต้องรอพิสูจน์สิทธิ์กันอีกครั้ง
ที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็รู้ข้อมูลตรงกัน และใช้ปราสาทคนาเป็นจุดพบปะ และพักพูดคุยในระหว่างลาดตระเวนร่วม
แต่คำตอบของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ สวนทางกับข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ยืนยันว่า ปราสาทคนา อยู่ในเขตไทย และตัวเขาเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากปราสาทคนา หลังนำกำลังเข้าไปขับไล่ทหารกัมพูชาที่เข้ามายึดครองพื้นที่นั้นเมื่อปี 2554 ขณะดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารพราน
พล.ต.ณัฏฐ์ ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังมีปราสาทขนาดเล็กอีกหลายแห่งบนแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่เขากังวลว่า ฝ่ายกัมพูชาจะส่งกำลังเข้ามายึด และจะทำให้ไทยเสียดินแดนเพิ่มขึ้น พร้อมยกตัวอย่างปราสาทไบแบก ในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่วันนี้ได้ประสานส่งกำลังในพื้นที่เข้าไปวางกำลังป้องกันทหารกัมพูชาเข้าไปยึดครองแล้ว
ข้อมูลปราสาทคนาและปราสาทไบแบก ที่ถูกขยายผลบนโลกออนไลน์และสื่อกระแสหลัก ส่งผลพล.ท.วีรยุทธ์ ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
ประเด็นนี้มีแรงกดดันถึงขั้นเพจลึกลับรายหนึ่ง ตั้งประเด็นให้มีการโหวตให้เปลี่ยนตัวแม่ทัพจากพล.ท.วีรยุทธ์ เป็น พล.ต.ณัฏฐ์ จนมียอดวิวคนดูสูงถึง 2.6 ล้านวิวภายในวันเดียว และมีความเห็นถึง 53,000 ความเห็น
ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวแม่ทัพ จาก พล.ท.วีรยุทธ์ ให้เป็นพล.ต.ณัฏฐ์ ที่โลกโซเชียล และสื่อหลายสำนัก เชื่อโดยสนิทใจว่า เป็นนักรบอีสานใต้ตัวจริง
ขณะที่สื่อใหญ่หลายสำนัก และบรรดานักวิเคราะห์ รวมถึง Influencer ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ต่างก็คล้อยตามไปในทิศทางเดียวกัน
ความเห็นส่วนใหญ่เวลานั้น นำ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ขึ้นมาเทียบเคียงกับ ‘แม่ทัพกุ้ง’ และต่างมีความเห็นตรงกันในประเด็นที่แม่ทัพเติ่ง ขาดความเด็ดขาดและไม่ใช่นักรบที่เหมาะกับสถานการณ์ในเวลานี้
ชื่อพล.ต.ณัฏฐ์ ถูกหยิบฉวยขึ้นมากล่าวถึงและประโคมประวัติ ทั้งการเป็นนักรบอีสานใต้ ทหารลูกชาวนา และเส้นทางการเติบโตที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญด้วยตัวเอง โดยไม่มีเส้นสาย
กระแสโซเชียลที่ลุกลามและมีการโหมไฟเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ต้องออกมาการันตี และยืนยันถึงศักยภาพและความสามารถของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ซึ่งเปรียบดั่งเพื่อนตายสหายรบในสมรภูมิ 5 วันกับปฏิบัติการยุทธบดินทร์ของกองทัพภาคที่ 2
แม่ทัพกุ้ง และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ต่างรู้ดีว่า ‘แม่ทัพเติ่ง’ เป็นนายทหารประเภททำมากกว่าพูด และเป็นคนพูดไม่เก่ง ต่างจากแม่ทัพกุ้ง ที่วันนี้ยิ่งพูดยิ่งสร้างเสน่ห์และจุดแข็งให้กับกองทัพ
แต่การรบตลอด 5 วันในแผนยุทธบดินทร์นั้น นายทหารที่อำนวยการรบโดยตรง และสามารถสั่งการรบโดยไม่ต้องดูแผนที่ คือ แม่ทัพเติ่ง เพราะเป็นนายทหารที่เติบโตมาตั้งแต่ร้อยตรี และรับราชการในหน่วยสำคัญคือ กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 ของกองพลทหารราบที่ 6 จนเติบโตมาในทุกตำแหน่งสำคัญก่อนมาเป็นแม่ทัพในวันนี้
ประสบการณ์ในพื้นที่อีสานใต้ของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ทำให้รู้ทุกพื้นที่การรบสำคัญ ทุกพื้นที่ในเขตอีสานใต้ และรู้จักแม่ทัพนายกอง ตลอดจนยุทธวิธีของฝ่ายกัมพูชาอย่างถ่องแท้
แม่ทัพกุ้ง มักจะพูดทีเล่นทีจริงกับผู้ใหญ่ที่นับถือเสมอว่า “ผมไว้ใจให้เติ่งรบ ส่วนผมทำหน้าที่ออก Event กระตุ้นความรักชาติ และรักแผ่นดินให้กับมวลชน”
แม่ทัพกุ้ง ยืนยันว่า ระหว่างตัวเขาและแม่ทัพเติ่งขณะเป็นรองแม่ทัพ แบ่งหน้าที่กันทำ 5 วันในสนามรบ แม่ทัพกุ้งกับ ผบ.ปู คอยซัพพอร์ตให้กับแม่ทัพเติ่ง ที่บก.ศปก.ทัพภาค 2 ส่วนแม่ทัพเติ่งจะอำนวยการรบที่ศปก.ทัพภาค 2 ส่วนหน้า
แม่ทัพกุ้ง บอกว่า การเลือก แม่ทัพเติ่ง ขึ้นมาเป็นแม่ทัพต่อจากเขา เป็นฉันทานุมัติที่เห็นพ้องต้องกันของพล.อ.พนาและตัวเขาว่า คนที่เหมาะสมจะรับไม้ต่อในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 คือ ‘แม่ทัพเติ่ง’ เพราะนี่จะไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ยังเป็นม้าศึกตัวเดิม ที่เพิ่มเติมคือความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น
ประการสำคัญวันนี้ แม่ทัพกุ้งก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผบ.ทบ.ที่พร้อมจะลงมาประสานการทำงานกับแม่ทัพเติ่งได้ตลอดเวลา
คำยืนยันของ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ที่กระจายออกสู่โลกโซเชียล ทำให้กระแสความกดดันในตัว ‘แม่ทัพเติ่ง’ ลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบการเริ่มทำงานในตำแหน่งแม่ทัพ ทั้งการลงพื้นที่ตรวจหน่วย และวางมาตรการที่เริ่มเข้มข้นขึ้น ทำให้ภาพแม่ทัพเติ่ง เริ่มพลิกกลับมาอยู่ในกระแสด้านบวกมากขึ้น
โดยเฉพาะล่าสุด การออกแถลงการณ์กองทัพภาคที่ 2 ที่สั่งเลื่อนการประชุม RBCออกไปไม่มีกำหนด หากฝ่ายกัมพูชายังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องการเสนอแผนถอนทหารและอาวุธหนัก และแผนเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาในวาระการประชุมด้วย
รวมถึงภาพการพุดคุยและทานอาหารกลางวัน และภาพจับมือรวมทั้งสวมกอดกับ ‘กัน จอมพลัง‘ ที่ก่อนนี้มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องคำสั่งห้าม กัน จอมพลัง เข้าพื้นที่
เพียง 15 วันในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ของพล.ท.วีรยุทธ์ หรือแม่ทัพเติ่ง สะท้อนให้เห็นว่า แม้พล.ท.วีรยุทธ์ จะเชี่ยวชาญและช่ำชองสนามรบแค่ไหน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรบวันนี้ คือ สงครามข้อมูลข่าวสาร หรือ สงคราม IO
เก่งในสนามรบ…แต่พลาดในสนาม IO
อาจส่งผลต่อผลงาน…ที่สร้างมาตลอดทั้งชีวิตราชการ
รวมทั้งอาจพลาดท่าเสียทีให้กับบรรดานักรบโซเชียล ที่เก่งในการประดิษฐ์ข้อมูล และนับรบคลอโรฟิล ที่ชำนาญการสังเคราะห์แสง
ทั้งหมดเป็นบทเรียนสำคัญของนักรบในอดีต ที่ก้มหน้า ก้มตารบ สุดท้ายมาจบที่ตำแหน่งประจำ
EP. หน้ามาตามต่อ Big Event ทัพภาคที่ 1 ผลงานสู่เส้นทางสร้างดวงดาว


