เลาะตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา EP.3 ส่องสงครามโซเชียลทัพภาค 2 ถล่มฉ่ำ ‘แม่ทัพเติ่ง’ เก่ง ‘สนามรบ’ เกือบพลาดสนาม ‘สนาม IO’

18 ต.ค. 2568 - 04:01

  • จับทางโซเชียลสร้างปรากฏการณ์ฉายแสงส่อง ‘แม่ทัพกุ้ง’ และ ‘เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น’

  • เบื้องหลังปั่นกระแสจาก IO พุ่งเป้าดิสเครดิตพิชิตตำแหน่ง ‘บิ๊กเติ่ง’ แม่ทัพภาคที่ 2 หมาดๆ

เลาะตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา EP.3 ส่องสงครามโซเชียลทัพภาค 2 ถล่มฉ่ำ ‘แม่ทัพเติ่ง’ เก่ง ‘สนามรบ’ เกือบพลาดสนาม ‘สนาม IO’

EP.ที่ผ่านมา ลองเทียบเคียงปรากฏการณ์ ‘เจนนี่‘ กับปรากฏการณ์ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ความต่างหรือความเหมือน ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ใครตกกระแส คนนั้นพลาดโอกาสขึ้นรถไฟความเร็วสูง ที่มีสถานีปลายทาง ต่างกัน

ปรากฏการณ์ ‘เจนนี่‘ สถานีปลายทาง คือ ยอดขาย และความสำเร็จในการโปรโมทสินค้า รวมทั้งการยอด Engagement หรือการเข้าถึงชุมชนขนาดใหญ่ของผู้ติดตาม ‘เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น’ ที่มีมากกว่าล้านราย

ส่วนปรากฏการณ์ ‘แม่ทัพกุ้ง’ สถานีปลายทาง คือ การมีส่วนร่วมในเวทีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่หลังการรบในสมรภูมิ 5 วัน เหตุการณ์นั้นได้สร้างวีรบุรุษขึ้นมามากมาย 

วันนี้จึงไม่แปลกที่หลายฝ่าย หลายภาคส่วนและหลายคน ต่างก็กระหายอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีนี้ ตลอดแนวชายแดนกว่า 800 กิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานีจนถึงจังหวัดตราด 

ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนทั้งกองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด เต็มไปด้วยสงครามข้อมูลข่าวสาร สงคราม IO : Information Operation และที่กำลังพัฒนาขึ้นเป็น IA : Information Advantage เป้าหมายเพื่อช่วงชิงความโดดเด่น และเป็นขวัญใจมวลชน 

ในสถานการณ์ความขัดแย้งรอบนี้ สื่อออนไลน์หรือแม้กระทั่งสื่อกระแสหลัก นักวิเคราะห์ และ Influencer ต่างเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคลอโรฟิลในการสังเคราะห์แสง ด้วยการขยายผลข้อมูลให้กับบรรดานักสร้างแสง ทั้งทางตรงและทางอ้อม 

การใช้โลกออนไลน์เป็นช่องทางการปล่อยข้อมูล การสร้างกระแส ขอเพียงประกาศแนวทางชาตินิยม ยอด Engagement และยอดติดตาม ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับความนิยมในตัวละครที่พุ่งขึ้นสูงลิ่วในระยะเวลาอันสั้น

ตรงข้าม หากต้องการดิสเครดิต หรือบั่นทอนความศรัทธาใคร เพียงแค่ปล่อยข้อมูลทางลบที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายกัมพูชา แค่กระพริบตา คนๆนั้นก็อาจตกเป็นจำเลยสังคมทันที 

ปรากฏการณ์ที่เห็นเด่นชัด คนแรก คือ พล.อ.อมฤต บุญสุยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่ตกเป็นจำเลย และติดลบในโลกโซเชียล เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากท่าทีที่ไม่สอดรับกับความต้องการของมวลชนในเวลานั้น ที่ต้องการเห็นกองทัพภาคที่ 1 เปิดปฏิบัติการอย่างเฉียบขาด และผลักดันชาวกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองจานออกจากพื้นที่ที่มวลชนเชื่อว่า เป็นเขตประเทศไทย

กระทั่งวันนี้ แม้ พล.อ.อมฤต จะขยับขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.แล้ว ก็ยังลบกระแสการโจมตีในโลกโซเชียลไม่ได้ อันจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงเส้นทางการเติบโตของพล.อ.อมฤต ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (EP.ถัดไปจะมาขยายข้อมูลรายละเอียดส่วนนี้) 

อีกรายที่ตกเป็นเป้าโจมตีและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบด้าน คือ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ พล.ท.วีรยุทธ์ รักศิลป์ หรือแม่ทัพเติ่ง เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ของผบ.ปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน  พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2

พล.ท.วีรยุทธ์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 เต็มตัวได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ ถูกรับน้องด้วย 2 ประเด็นใหญ่ คือ คำถามถึงความเห็นเรื่องปราสาทคนา และ การสร้างรั้วกั้นแนวเขตแดนไทย – กัมพูชา

คำตอบของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ที่มีฐานะทั้งตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 และหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุม RBC กองทัพภาคที่ 2 ที่ให้ความเห็นคล้ายกันทั้งสองเรื่องว่า ยังคงต้องรอความชัดเจนเรื่องแนวเขตแดน และการพิสูจน์สิทธิ์ 

ปราสาทคนา หากเป็นแผนที่ 1 : 50,000 แน่นอนว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย แต่หากใช้แผนที่ 1: 200,000 ก็ต้องรอพิสูจน์สิทธิ์กันอีกครั้ง

ที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็รู้ข้อมูลตรงกัน และใช้ปราสาทคนาเป็นจุดพบปะ และพักพูดคุยในระหว่างลาดตระเวนร่วม 

แต่คำตอบของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ สวนทางกับข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ยืนยันว่า ปราสาทคนา อยู่ในเขตไทย และตัวเขาเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากปราสาทคนา หลังนำกำลังเข้าไปขับไล่ทหารกัมพูชาที่เข้ามายึดครองพื้นที่นั้นเมื่อปี 2554 ขณะดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารพราน

พล.ต.ณัฏฐ์ ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังมีปราสาทขนาดเล็กอีกหลายแห่งบนแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่เขากังวลว่า ฝ่ายกัมพูชาจะส่งกำลังเข้ามายึด และจะทำให้ไทยเสียดินแดนเพิ่มขึ้น พร้อมยกตัวอย่างปราสาทไบแบก ในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่วันนี้ได้ประสานส่งกำลังในพื้นที่เข้าไปวางกำลังป้องกันทหารกัมพูชาเข้าไปยึดครองแล้ว 

ข้อมูลปราสาทคนาและปราสาทไบแบก ที่ถูกขยายผลบนโลกออนไลน์และสื่อกระแสหลัก ส่งผลพล.ท.วีรยุทธ์ ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก 

ประเด็นนี้มีแรงกดดันถึงขั้นเพจลึกลับรายหนึ่ง ตั้งประเด็นให้มีการโหวตให้เปลี่ยนตัวแม่ทัพจากพล.ท.วีรยุทธ์ เป็น พล.ต.ณัฏฐ์ จนมียอดวิวคนดูสูงถึง 2.6 ล้านวิวภายในวันเดียว และมีความเห็นถึง 53,000 ความเห็น   

ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวแม่ทัพ จาก พล.ท.วีรยุทธ์ ให้เป็นพล.ต.ณัฏฐ์ ที่โลกโซเชียล และสื่อหลายสำนัก เชื่อโดยสนิทใจว่า เป็นนักรบอีสานใต้ตัวจริง 

ขณะที่สื่อใหญ่หลายสำนัก และบรรดานักวิเคราะห์ รวมถึง Influencer ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ต่างก็คล้อยตามไปในทิศทางเดียวกัน 

ความเห็นส่วนใหญ่เวลานั้น นำ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ขึ้นมาเทียบเคียงกับ ‘แม่ทัพกุ้ง’ และต่างมีความเห็นตรงกันในประเด็นที่แม่ทัพเติ่ง ขาดความเด็ดขาดและไม่ใช่นักรบที่เหมาะกับสถานการณ์ในเวลานี้ 

ชื่อพล.ต.ณัฏฐ์ ถูกหยิบฉวยขึ้นมากล่าวถึงและประโคมประวัติ ทั้งการเป็นนักรบอีสานใต้ ทหารลูกชาวนา และเส้นทางการเติบโตที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญด้วยตัวเอง โดยไม่มีเส้นสาย 

กระแสโซเชียลที่ลุกลามและมีการโหมไฟเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ต้องออกมาการันตี และยืนยันถึงศักยภาพและความสามารถของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ซึ่งเปรียบดั่งเพื่อนตายสหายรบในสมรภูมิ 5 วันกับปฏิบัติการยุทธบดินทร์ของกองทัพภาคที่ 2 

แม่ทัพกุ้ง และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ต่างรู้ดีว่า ‘แม่ทัพเติ่ง’ เป็นนายทหารประเภททำมากกว่าพูด และเป็นคนพูดไม่เก่ง ต่างจากแม่ทัพกุ้ง ที่วันนี้ยิ่งพูดยิ่งสร้างเสน่ห์และจุดแข็งให้กับกองทัพ 

แต่การรบตลอด 5 วันในแผนยุทธบดินทร์นั้น นายทหารที่อำนวยการรบโดยตรง และสามารถสั่งการรบโดยไม่ต้องดูแผนที่ คือ แม่ทัพเติ่ง เพราะเป็นนายทหารที่เติบโตมาตั้งแต่ร้อยตรี และรับราชการในหน่วยสำคัญคือ กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 ของกองพลทหารราบที่ 6 จนเติบโตมาในทุกตำแหน่งสำคัญก่อนมาเป็นแม่ทัพในวันนี้  

ประสบการณ์ในพื้นที่อีสานใต้ของ ‘แม่ทัพเติ่ง’ ทำให้รู้ทุกพื้นที่การรบสำคัญ ทุกพื้นที่ในเขตอีสานใต้ และรู้จักแม่ทัพนายกอง ตลอดจนยุทธวิธีของฝ่ายกัมพูชาอย่างถ่องแท้ 

แม่ทัพกุ้ง มักจะพูดทีเล่นทีจริงกับผู้ใหญ่ที่นับถือเสมอว่า “ผมไว้ใจให้เติ่งรบ ส่วนผมทำหน้าที่ออก Event กระตุ้นความรักชาติ และรักแผ่นดินให้กับมวลชน” 

แม่ทัพกุ้ง ยืนยันว่า ระหว่างตัวเขาและแม่ทัพเติ่งขณะเป็นรองแม่ทัพ แบ่งหน้าที่กันทำ 5 วันในสนามรบ แม่ทัพกุ้งกับ ผบ.ปู คอยซัพพอร์ตให้กับแม่ทัพเติ่ง ที่บก.ศปก.ทัพภาค 2 ส่วนแม่ทัพเติ่งจะอำนวยการรบที่ศปก.ทัพภาค 2 ส่วนหน้า

แม่ทัพกุ้ง บอกว่า การเลือก แม่ทัพเติ่ง ขึ้นมาเป็นแม่ทัพต่อจากเขา เป็นฉันทานุมัติที่เห็นพ้องต้องกันของพล.อ.พนาและตัวเขาว่า คนที่เหมาะสมจะรับไม้ต่อในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 คือ ‘แม่ทัพเติ่ง’ เพราะนี่จะไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ยังเป็นม้าศึกตัวเดิม ที่เพิ่มเติมคือความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น

ประการสำคัญวันนี้ แม่ทัพกุ้งก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผบ.ทบ.ที่พร้อมจะลงมาประสานการทำงานกับแม่ทัพเติ่งได้ตลอดเวลา

คำยืนยันของ ‘แม่ทัพกุ้ง’ ที่กระจายออกสู่โลกโซเชียล ทำให้กระแสความกดดันในตัว ‘แม่ทัพเติ่ง’ ลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบการเริ่มทำงานในตำแหน่งแม่ทัพ ทั้งการลงพื้นที่ตรวจหน่วย และวางมาตรการที่เริ่มเข้มข้นขึ้น ทำให้ภาพแม่ทัพเติ่ง เริ่มพลิกกลับมาอยู่ในกระแสด้านบวกมากขึ้น

โดยเฉพาะล่าสุด การออกแถลงการณ์กองทัพภาคที่ 2 ที่สั่งเลื่อนการประชุม RBCออกไปไม่มีกำหนด หากฝ่ายกัมพูชายังไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องการเสนอแผนถอนทหารและอาวุธหนัก และแผนเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาในวาระการประชุมด้วย 

รวมถึงภาพการพุดคุยและทานอาหารกลางวัน และภาพจับมือรวมทั้งสวมกอดกับ ‘กัน จอมพลัง‘ ที่ก่อนนี้มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องคำสั่งห้าม กัน จอมพลัง เข้าพื้นที่ 

เพียง 15 วันในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ของพล.ท.วีรยุทธ์ หรือแม่ทัพเติ่ง สะท้อนให้เห็นว่า แม้พล.ท.วีรยุทธ์ จะเชี่ยวชาญและช่ำชองสนามรบแค่ไหน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรบวันนี้ คือ สงครามข้อมูลข่าวสาร หรือ สงคราม IO 

เก่งในสนามรบ…แต่พลาดในสนาม IO 

อาจส่งผลต่อผลงาน…ที่สร้างมาตลอดทั้งชีวิตราชการ 

รวมทั้งอาจพลาดท่าเสียทีให้กับบรรดานักรบโซเชียล ที่เก่งในการประดิษฐ์ข้อมูล และนับรบคลอโรฟิล ที่ชำนาญการสังเคราะห์แสง 

ทั้งหมดเป็นบทเรียนสำคัญของนักรบในอดีต ที่ก้มหน้า ก้มตารบ สุดท้ายมาจบที่ตำแหน่งประจำ

EP. หน้ามาตามต่อ Big Event ทัพภาคที่ 1 ผลงานสู่เส้นทางสร้างดวงดาว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์