VIBE REVIEW: คอนเสิร์ตที่คนดื้อจะหลับฝันดีกับ 2025 WayV Concert Tour [NO Way OUT] in BANGKOK

10 ธ.ค. 2568 - 08:01

  • รีวิวคอนเสิร์ต 2025 WayV Concert Tour [NO Way OUT] in BANGKOK คอนเสิร์ตที่คนดื้อจะหลับฝันดี

VIBE REVIEW: คอนเสิร์ตที่คนดื้อจะหลับฝันดีกับ 2025 WayV Concert Tour [NO Way OUT] in BANGKOK

สิ้นสุดลงแล้วสำหรับงานคอนเสิร์ตของหนุ่มๆ ทั้งห้าจากวง WayV (วินวิน ไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากติดภารกิจที่ต่างประเทศ) ที่มาจัดงานคอนเสิร์ต ‘2025 WayV Concert Tour [NO Way OUT] in BANGKOK’ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ ไบเทค ไลฟ์ (BITEC LIVE) ไบเทคบางนา 

สำหรับการแสดงในวันนี้แม้ว่าบัตรเข้าชมการแสดงจะไม่ Sold Out แต่แฟนๆ ก็ขนเอเนอร์จีกันมาแบบเต็มพลังเพื่อส่งแรงใจให้หนุ่ม ๆ ทั้งห้าคนบนสเตจอย่างหนักแน่น นาฬิกาบอกเวลา 18.01 น. ไฟในฮอลล์ดับลงพร้อมปรากฏคลิป VCR เปิดตัวหนุ่มๆ ทั้งห้าทำให้บรรยากาศในฮอลล์เริ่มร้อนแรงสร้างความตื่นเต้นทั่วทุกพื้นที่ 

การปรากฏตัวของหนุ่มๆ ทั้งห้าเรียกว่าทรงพลัง พวกเขาเปิดโชว์ด้วยเซ็ตการแสดงหกเพลงรวด เริ่มที่ Bad Alive, Take Off, She a Wolf, Try My Luck, Bounce Back และ WOAH 

สิ้นสุดการแสดงไปหกเพลงแรกจากเดิมที่คิดว่าหนุ่มๆ จะแวะพักทักทายแฟนๆ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะทันทีที่เพลง WOAH จบลงหน้าจอกลับปรากฏ  VCR แรกแทนก่อนจะกลับมาอีกครั้งในลุคใหม่ด้วยเพลง Say It ต่อด้วย All For Love และ Filthy Rich  

ถึงเวลาเจื้อยแจ้วหนุ่มๆ ได้แวะพูดคุยกับแฟนๆ โดยเริ่มที่แนะนำตัวก่อนจะพูดถึงความหมายของชื่อคอนเสิร์ตนี้ที่ว่า “NO Way OUT" แปลว่าไม่มีทางออก หมายถึง WayZenNi (แฟนคลับของ WayV) ไม่มีทางออกไปจาก WayV แล้ว ก่อนจะเกริ่นเรื่องคอนเสิร์ตทัวร์ที่สามเพราะทัวร์ที่สองในครั้งนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว ปิดท้ายช่วงทอล์กด้วย TMI (Too Much Information) ซึ่งเฮนเดอรี่เล่าว่า “พี่เตนล์ทำเค้กด้วยครับ ตอนแรกไม่กล้ากินแต่พอกินแล้วอร่อยมาก พี่เตนล์เก่งมาก” ก่อนจะเมาท์กันถึงเรื่องเค้กที่เตนล์ทำให้ทุกคนกิน เขาบอกว่าเป็นความภูมิใจของเขามากที่ตื่นเช้าตอนสิบโมงจากปกติที่ตื่นสิบสองโมง (เที่ยง) ไปเข้าคอร์สเรียนทำเค้กมาให้เพื่อนๆ ได้ลองชิมกัน 

เมาท์กันพอหอมปากหอมคอก็กลับเข้าสู่โชว์อีกครั้งกับเพลง Unbreakable ต่อด้วย Might As Well, Ice Tea ปิดท้ายด้วยเพลงที่หลายๆ คนรอคอย Nectar เรียกได้ว่าร้องเพลงแข่งกะศิลปินกันไปเลย  

ให้ศิลปินพักอีกครั้งกับ VCR ที่สองก่อนจะไปสนุกกันต่อกับเพลง Your Song ในระหว่างการแสดงเพลงนี้แฟนๆ ได้ทำโปรเจ็กต์ให้เป็นเฮดแบนด์น่ารักๆ และไลท์บ็อกซ์จากโซนชั้นสองที่เขียนว่า “WE ♾️ V” จากนั้นต่อด้วยเพลง Give Me That, INVINCIBLE, Good Time และปิดท้ายด้วยเพลง On My Youth เวอร์ชันภาษาอังกฤษโดยในเพลง INVINCIBLE และ Good Time หนุ่มๆ ได้ลงมาทักทายแฟนๆ ถึงโซนบัตรยืนเลยทีเดียว 

เข้าสู่ VCR สุดท้ายก่อนจะเข้าอังกอร์ให้หนุ่มๆ ได้ซับหน้าซับตาก่อนจะกลับมาโชว์เซ็ตเพลงเวอร์ชันภาษาเกาหลีทั้งหมดเริ่มที่เพลง BIG BANDS แต่ก่อนจะถึงโชว์ต่อไปหนุ่มๆ ได้แวะทอล์กกับแฟนๆ อีกครั้ง พวกเขาพูดถึงอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยเร็วๆ นี้แถมยังบอกอีกว่าเป็นอัลบั้มที่อบอุ่นมากๆ รวมถึง Special Song ที่คุนเป็นคนแต่งเองและอยากให้ทุกคนติดตามกัน ก่อนจะเล่นแรนด้อมเพลย์แดนซ์เริ่มด้วยเพลง Phantom, Action Figure, HIGH FIVE, Love Talk ของวง ต่อด้วยเพลง Juliette - SHINee ที่หนุ่มๆ เคยทำการแสดงแต่จำท่าเต้นไม่ได้พร้อมสัญญาว่าจะทำท่าเต้นให้ได้ในอนาคต ปิดด้วยเพลง STUNNER และ BAMBOLA ของ เตนล์ ที่หนุ่มๆ ได้ให้เตนล์สอนคุนเต้นเพลง BAMBOLA พร้อมขอให้คุนเอาไปเต้นในงานแฟนมีตติ้งวันเกิดของคุนที่เกาหลีด้วย 

กลับเข้าสู่โชว์เซ็ตเพลงภาษาเกาหลีกันต่อกับเพลง Kick Back, Turn Back Time และเพลง FREQUENCY แต่ละเพลงในเซ็ตนี้ล้วนเป็นเพลงไตเติลจากอัลบั้มต่างๆ ของพวกเขา เรียกได้ว่าแฟนๆ ร้องตามสนั่นฮอลล์จริงๆ จบเพลงปุ๊บไฟในฮอลล์ดับปั๊บ ก่อนจะเริ่มมีแสงสลัวเข้าสู่ช่วงรอเข้าอังกอร์ กิจกรรมในพาร์ทนี้คือการร้องเพลง Dream Launch ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์พิเศษจากแฟนๆ นั่นเอง 

หนุ่มๆ กลับมาอีกครั้งกับเพลง Moonlight ซึ่งเป็นเพลงที่แฟนๆ ทำโปรเจ็กต์ที่สองให้อีกครั้งกับป้ายแบนเนอร์สีพาสเทลที่เขียนว่า “WayV will always be bright Moonlight that we look up to” และอีกหนึ่งเพลงก่อนจะเข้าช่วงทอล์กสุดท้ายคือเพลง Sad Eyes  

แวะส่งลากันเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สองที่ประเทศไทย หนุ่มๆ ได้ขอถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจกับแฟนๆ พร้อมพูดถึงความในใจว่าดีใจที่ได้มาประเทศไทยและอยากมาอีกบ่อยๆ พร้อมตรวจการบ้านแฟนๆ ว่าร้องเพลง Dream Launch กันจริงๆ ไหม ปิดท้ายด้วยวลีภาษาไทยสุดฮิตที่เฮนเดอรี่เตรียมมานั่นคือ “ราตรีสวัสดิ์นะคนดื้อ” ปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างสมบูรณ์กับเพลง Dream Launch อีกครั้งซึ่งเป็นเพลง B-Side จากอัลบั้ม EP ชุดแรกที่เต็มไปด้วยความหมายของพวกเขากับแฟนๆ   

คอนเสิร์ตครั้งนับเป็นอีกหนึ่งความสุขเล็กๆ ของ WayZenNi ชาวไทย ติดแค่การแปลของล่ามนิดหน่อยที่ชวนตะหงิดใจแต่ก็เติมเต็มไฟแห่งความรักไปได้อีกนานแสนนาน~ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์