ถ้าให้จัดลิสต์คอนเสิร์ตที่โชว์ให้เห็นถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ของศิลปินแบบครบทุกด้านคอนเสิร์ตนี้ต้องถูกกล่าวถึงและรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เมื่อล่าสุด SM True ได้พา ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ สมาชิกวง Red Velvet จัดคอนเสิร์ตยูนิตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งแรกที่ประเทศไทย 2025 IRENE & SEULGI Concert Tour [BALANCE] in BANGKOK เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ พารากอน ฮอลล์ (PARAGON HALL) โดยก่อนเริ่มการแสดงบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความครึกครื้นจากชาว ReVeluv หรือ ลัฟวี่ ที่ต่างรอคอยที่จะได้ชมการแสดงอย่างใจจดใจจ่อเพราะเชื่อว่าทุกคนยังคงคิดถึงความสนุกสนานจาก FANCON TOUR ของสมาชิกวง Red Velvet ที่ประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา
และเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ ก็ขอเปิดโชว์คอนเสิร์ตด้วยเพลง ‘TILT’ ซึ่งถือเป็นเพลงไตเติลในมินิอัลบั้มล่าสุดชุดที่ 2 เรียกได้ว่าแค่เปิดมาเพลงแรกภายในฮอลล์ก็เต็มไปด้วยความร้อนแรงจากโชว์ของทั้งคู่แล้ว แถมเพลงนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ลัฟวี่ชาวไทยได้รับชมแบบสด ๆ อีกด้วย จากนั้นสนุกกันต่อกับเพลง ‘Feel Good’ และ ‘Trampoline’ ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มทักทายลัฟวี่ชาวไทยอย่างเป็นทางการ
ต่อมาทั้ง ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ ต่างไม่รอช้าพาทั้งฮอลล์ไปดื่มด่ำกับเพลง ‘Diamond’ และ ‘Naughty’ และเพลงนี้เองก็ทำเอาเสียงกรี๊ดกลับมากระหึ่มอีกครั้งเพราะเพลง ‘Naughty’ ถือเป็นเพลงที่ถูกโปรโมตต่อจากเพลงไตเติลเปิดตัวครั้งแรกของยูนิตนี้ แถมไม่ว่าจะได้ฟังกี่ครั้งก็ชวนให้ลุกขึ้นเต้นตามสไตล์เพลง Pop-Dance Future House
สิ้นสุดโชว์นี้ก็ถึงพาร์ทโซโล่เดี่ยวของ ‘ซึลกิ’ แน่นอนว่าบรรยากาศภายในฮอลล์ได้ทวีความร้อนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทการแสดงของศิลปินเองหรือโปรดักชันแสง สี เสียง โดย ‘ซึลกิ’ ได้เริ่มโซโล่ด้วยเพลง ‘Praying’ และ ‘Dead Man Runnin’’ เมื่อจบจากสองเพลงนี้ ‘ซึลกิ’ ก็ได้พูดคุยกับลัฟวี่ชาวไทยพร้อมถามคำถามอย่างน่ารักว่าแฟน ๆ ชอบเพลงไหนมากกว่ากันซึ่งเสียงตอบรับที่มีให้กับเพลง ‘Dead Man Runnin’’ นั้นดังกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาเจ้าตัวยิ้มอย่างภูมิใจพร้อมกับบอกว่า…ตัวเองนั้นจัดเซ็ตลิสต์เพลงถูกจริง ๆ ความร้อนแรงยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ ‘ซึลกิ’ ยังขนเพลงมาโซโล่ในโชว์เพิ่มด้วยเพลง ‘Rollin’ (With My Homies)’ และ ‘Better Dayz’
ต่อมาเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ก็โหมกระหน่ำอีกครั้งเมื่อกล้องได้จับภาพไปยัง ‘ไอรีน’ ที่กำลังถือเก้าอี้ที่เป็นสัญลักษณ์ของเพลงที่กำลังจะโชว์นั่นคือ ‘Be Natural’ โดยเพลงนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมากเพราะทั้งคู่เคยโชว์ครั้งแรกตั้งแต่สมัยเป็น SMROOKIES เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เรียกได้ว่า Iconic แบบสุด ๆ โดยความร้อนแรงของทั้งคู่ยังไม่จบ ลัฟวี่ชาวไทยยังได้ดื่มด่ำกันต่อกับเพลง ‘Irresistible’
จบพาร์ทโชว์ยูนิตคู่แล้วก็ถึงการโซโล่ของ ‘ไอรีน’ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนบรรยากาศฮอลล์ให้มีความสดใสมากขึ้น เริ่มต้นด้วยเพลง ‘Strawberry Silhouette’, ‘Calling Me Back’, ‘Ka-Ching’ และ ‘Start Line’ หลังจากนั้นบรรยากาศฮอลล์ที่เคยสดใสก็กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อ ‘ซึลกิ’ ได้กลับมาขึ้นเวทีโชว์ Performance ยูนิตในเพลง ‘What's Your Problem?’ และ ‘Heaven’ ก่อนจะสลับกันโชว์โซโล่ในเพลงไตเติลเดี่ยวล่าสุดของทั้งคู่ ‘Like A Flower’ ของ ‘ไอรีน’ และ ‘Baby, Not Baby’ ของ ‘ซึลกิ’
ก่อนจบในพาร์ท Ending ของคอนเสิร์ตนี้ทั้งคู่ได้พูดคุยกับลัฟวี่ชาวไทยอีกครั้งซึ่งเรียกเสียงฮาให้กับแฟนๆ ในฮอลล์เป็นอย่างมากเมื่อ ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ ได้ถามแฟนๆ ว่าถ้าช่วง Encore ไม่มีเพลง ‘Zimzalabim’ ที่ถือเป็นเพลงที่ชวนไฮบ์คนดูอย่างมากอยากจะฟังเพลงอะไร? ซึ่งคำตอบที่ได้จากแฟนๆ นั้นทำเอาทั้งคู่ถึงกับคาดไม่ถึงเพราะทุกคนพร้อมใจกันตอบว่า ‘RBB (Really Bad Boy)’ ที่ถือเป็นเพลงแบบสุดขั้วที่ว่าใครชอบก็ชอบเลย ส่วนใครที่ไม่ค่อยชอบอาจจะเกิดอารมณ์ ‘ห๊ะ..’ อย่างศิลปินก็เป็นได้ (เอ็นดูสุดๆ)
ในที่สุดก็ถึงช่วง Ending ของคอนเสิร์ต บรรยากาศได้กลับเข้าสู่ความร้อนแรงสุดท้ายในเพลง ‘Girl Next Door’ และ ‘Monster’ ไตเติลเปิดตัวของยูนิต IRENE & SEULGI เรียกได้ว่าแม้เพลงนี้จะถูกปล่อยออกมาเมื่อห้าปีที่แล้วแต่ยังคงเรียกเสียงกรี๊ดและเสียงฮือฮาของโชว์นี้ได้อย่างดุเดือดอีกครั้ง
เข้าสู่ช่วง Encore ลัฟวี่ชาวไทยได้เริ่มทำำโปรเจกต์ร้องเพลง ‘Candy-Red velvet’ โดยเพลงนี้มีเนื้อหาบอกเล่าประมาณว่าเมื่อได้รักใครสักคนก็อยากจะขออยู่ข้างเธออย่างนี้ตลอดไป ได้โปรดให้เธออย่าหายไปไหนเลยนะ หลังจากนั้นแฟนๆ ก็เริ่มทำการแปรอักษรด้วยกล่องไฟเป็นสัญลักษณ์รูปกระต่ายที่เป็นตัวแทนของ ‘ไอรีน’ และรูปหมีที่เป็นตัวแทนของ ‘ซึลกิ’ พร้อมตัวอักษรคำว่า ‘อา-ซึล’ จากชื่อของทั้งคู่ อีกทั้งสวมใส่ที่คาดหัวที่เป็นรูปสัญลักษณ์ของทั้งคู่เช่นเดียวกัน
โปรเจกต์ที่ลัฟวี่ชาวไทยทำให้แก่ศิลปินที่พวกเขารักยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีการชูป้ายสโลแกนที่แปลเป็นภาษาไทยอย่างสุดซึ้งว่า “เราผ่านช่วงวัย 10, 20, 30 ปีมาด้วยกันแล้ว ตอน 40 ปี, 50 ปี, 60 ปี เรา็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ” หลังจากนั้น ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ ก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง รอบนี้ ‘ไอรีน’ ถึงกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปโปรเจกต์ที่แฟน ๆ ทำให้พร้อมกับขอให้แฟนๆ ร้องเพลง ‘Candy’ ให้ตัวเองฟังอีกครั้งด้วย
โดยช่วง Encore นี้ทั้งคู่ได้เลือกเพลง ‘Jelly’ มาสร้างความสนุกให้กับแฟนๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพลงเมดเล่ย์จาก Red Velvet ได้แก่เพลง ‘Hit That Drum’ และเพลงที่ลัฟวี่ไทยรอคอยที่สุด ‘Zimzalabim’ ซึ่งเพลงนี้ทำเอาศิลปินแทบจะร้องขอชีวิตกลางเวทีเพราะลัฟวี่ชาวไทยไม่ยอมหยุด พร้อมใจกันตะโกนขอเพลงนี้อีกรอบ อีกรอบและอีกรอบ จนถึงขั้นที่ ‘ไอรีน’ และ ‘ซึลกิ’ ถึงกับพูดแซวว่า…ให้เต้นเองเลยเดี๋ยวจะยืนดูเฉยๆ กล้องก็ให้ถ่ายแต่ลัฟวี่ด้วยนะ ซึ่งสุดท้ายลัฟวี่ไทยก็ได้กระโดด ร้อง เต้น อย่างมันส์สุดขั้วกับเพลง ‘Zimzalabim’ ถึง 6 รอบ จุใจกันทั้งแฟนคลับและศิลปินเลยทีเดียวก่อนจบคอนเสิร์ตนี้อย่างเป็นทางการ
เรียกได้ว่าตลอดสองชั่วโมงกว่าของคอนเสิร์ตครั้งนี้ในฐานะผู้ชมเราได้เห็นความสามารถของศิลปินแบบครบทุกด้านทุกสไตล์ ด้วยความแตกต่างของทั้งสอง ‘ไอรีน’ ที่เหมือนเป็นตัวแทนของความสดใส ‘ซึลกิ’ ที่เปรียบได้กับตัวแทนของความร้อนแรง เมื่อทั้งคู่ได้ทำการแสดงร่วมกันด้วยความตั้งใจโชว์ผลงานให้แฟนๆ ได้เพลิดเพลินกับทั้งเสียงร้อง ท่าเต้น ดนตรี และโปรดักชั่น จนสุดท้ายกลายเป็นความ ‘BALANCE’ ที่ถูกจัดสรรอย่างลงตัว เชื่อว่าความสนุกสนานในครั้งนี้ต้องสร้างความประทับใจให้แก่ลัฟวี่ชาวไทยเป็นอย่างมากและทุกคนคงเฝ้ารอที่ทั้งคู่จะกลับมาแสดงเพอร์ฟอร์แมนซ์ให้ชมกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
เรื่อง: ลลิดา สังฆาจารย์