สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย: ยศที่ไม่ใช่แค่ธรรมะ แต่มีอำนาจและผลประโยชน์
ทำไมคนธรรมดาถึงได้เป็น “เจ้าคุณ”?
ประเทศไทยมี “ระบบยศพระ” ที่เรียกว่า “สมณศักดิ์” (Ecclesiastical Peerage) มานานนับร้อยปี
ไม่ต่างอะไรจากระบบขุนนางในอดีต ที่ให้ยศ ให้ตำแหน่ง และมักมาพร้อม พัดยศ-ราชทินนาม และ “เกียรติ” แบบไม่ต้องมีทรัพย์สินส่วนตัว แต่กลับมีอำนาจในวัดและการเมืองพุทธศาสนาเต็มมือ
แล้วเราก็เห็นปรากฏการณ์บางอย่างที่ทำให้คนรุ่นใหม่อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า…
“ยศพระ” ยังเป็นเรื่องของศีลธรรมหรือกลายเป็น “อำนาจต่อรอง” กันแน่?
จาก “ช้าง” ถึง “พระ” สองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสายตารัฐ
ในอดีต มีอยู่ 2 สิ่งที่มียศศักดิ์และถูกแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ คือ
“ช้างศึก” – เครื่องหมายแห่งอำนาจสงคราม
“พระสงฆ์” – ผู้นำทางจิตวิญญาณของอาณาจักร
ใครได้ยศพระ ถือว่า “เป็นพระของแผ่นดิน” การตั้งสมณศักดิ์จึงไม่ใช่แค่เรื่องศาสนา แต่โยงเข้ากับระบบราชการ รัฐ และอุดมการณ์ของชาติ

สมณศักดิ์มีมาแต่ไหน?
ยุคสุโขทัย
มีหลักฐานว่า “พระเถระ” หรือ “มหาสวามี” ถูกแต่งตั้งให้ยศ โดยเอาแบบอย่างจากศรีลังกา พูดง่ายๆ คือ ระบบยศพระเราเป็นมรดกทางวัฒนธรรมข้ามชาติ
ยุคอยุธยา
ยศพระถูกใช้แบ่งสำนักปฏิบัติ – พระสายป่า (อรัญวาสี) VS พระในเมือง (คามวาสี) เช่น “พระวันรัตน์” หรือ “พระพุทธโฆษาจารย์” เริ่มปรากฏเป็นราชทินนาม
รัตนโกสินทร์ – ร.5 เป็นต้นมา
เริ่มวางระบบชัดเจน ให้มหาเถรสมาคมเสนอชื่อก่อนถวายพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย กลายเป็น “ระบบราชการศาสนา” เต็มรูปแบบ
โครงสร้างยศพระ
ชั้นสมณศักดิ์ ชื่อยศ หน้าที่
1 สมเด็จพระสังฆราช ผู้นำสูงสุดของคณะสงฆ์
2 สมเด็จพระราชาคณะ (สุพรรณบัฏ) รองสังฆราช
3 พระราชาคณะพิเศษ (หิรัญบัฏ) เจ้าคณะรองระดับประเทศ
4 พระราชาคณะชั้นเทพ–สามัญ เจ้าคณะจังหวัด/ผู้ช่วย
5 เจ้าคณะจังหวัด–อำเภอ–วัด บริหารระดับพื้นที่
พัดยศ = เครื่องหมายบ่งบอกระดับ
ราชทินนาม = ชื่อยศแบบขุนนาง เช่น “พระราชวิสุทธิเมธี”
จุดเปลี่ยนสำคัญ: การเมืองแทรกศาสนา
ปี พ.ศ. 2560 มีการแก้กฎหมาย ให้พระมหากษัตริย์แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ต้องผ่านมหาเถรสมาคมอีกต่อไป
(ซึ่งเกิดหลังรัฐประหาร 2557 และช่วงเปลี่ยนรัชสมัย)

แม้จะถูกอธิบายว่า “เพื่อความมั่นคงของศาสนา” แต่สำหรับ Gen Z/Y บางคนกลับรู้สึกว่า… “แล้วเสียงของชาวพุทธอยู่ตรงไหน?”
สมณศักดิ์ = บทบาท+อำนาจ+ทรัพยากร
ในโลกของวัดที่มีเงินทำบุญมหาศาล การที่พระรูปหนึ่ง “ได้สมณศักดิ์” หมายถึง…
• ได้รับสิทธิบริหารวัดขนาดใหญ่
• คุมเงิน-ทรัพย์สินวัด
• มีสิทธิ์เสนอชื่อพระรูปอื่นขึ้นตำแหน่ง
• เชื่อมโยงกับสายการเมืองบางกลุ่ม
ดังนั้น หากไม่มีธรรมะควบคุม ก็อาจเปิดช่องให้ “ยศพระ” กลายเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์
แม้ระบบสมณศักดิ์จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมาช้านาน แต่ในวันที่คนรุ่นใหม่สนใจ “ความโปร่งใส” เรากำลังเผชิญคำถามสำคัญว่า… “เราต้องการพระที่มียศ? หรือพระที่มีธรรม?” หลายคนยังศรัทธาในพระสงฆ์ที่ยึดมั่นในศีล แต่เริ่มไม่อินกับ “ระบบยศ” ที่ดูคล้ายชนชั้น
“พัดยศไม่ใช่ปีกที่จะทำให้พระบินสูง แต่ศีลเท่านั้นที่ทำให้พระสงฆ์อยู่ในใจคนไทยได้จริง”
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะตั้งคำถามกับ “ระบบยศ” ในศาสนา… โดยไม่ทำลายศรัทธา?