กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงไม่แพ้ซีรีส์ เมื่อภาพแรกของอีเลเว่นใน Stranger Things ซีซันสุดท้ายถูกเผยออกมาและโลกอินเทอร์เน็ตต่างพากันตั้งคำถามว่าการแต่งตัวแบบนี้นี่มันแฟชั่นแบบไหนกันแน่?
แฟชั่นที่ว่าคือกางเกงขาสั้นสีแดงตัวจิ๋วใส่ทับกางเกงวอร์มสีเทาอ่อน แมตช์กับเสื้อสเวตเชิ้ตเอวลอยและผ้าเช็ดหน้าผูกคอซึ่งกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ทันทีที่ภาพถูกปล่อยออกมา ตามสไตล์ Stranger Things อะไรที่ดูย้อนยุคมากๆ มักมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเสมอ
เอมี แพร์ริส ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายประจำซีรีส์ เผยกับ New York Post ว่าแม้แต่ มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์เองก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยถึงขั้นส่งอีเมลถามสองพี่น้องผู้กำกับฯ ดัฟเฟอร์ บราเธอร์สว่า “แน่ใจแล้วนะว่าจะให้ใส่ชุดนี้?”
แพร์ริสยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “เธอรู้ตั้งแต่แรกว่าคนดูต้องมีรีแอ็คแน่นอนกับชุดเหล่านี้” แม้จะดูแปลกตาสำหรับปี 2025 แต่นี่เคยเป็นแฟชั่นในยุค 80s จริงๆ และคือหนึ่งในความตั้งใจของเธอที่จะดึงภาพจำของวัฒนธรรมยุคนั้นกลับมา
แรงบันดาลใจหลักของลุคนี้มาจากสองตัวละครดังในยุคนั้นคือ แบรนด์ (Brand) จาก The Goonies รับบทโดยจอช โบรลิน ที่ชอบแต่งตัวด้วยกางเกงขาสั้นทับกางเกงวอร์ม และ Punky Brewster ไอคอนแห่งความขบถในสีสันสดใสที่หยิบจับเสื้อผ้าแบบมีอะไรก็ใส่อย่างนั้นซึ่งเข้ากับสถานการณ์ของอีเลเว่นในซีซัน 5 อย่างมาก
เพราะในพล็อตของซีรีส์อีเลเว่นไม่ได้มีแม็กซ์ เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มอยู่ช่วยแนะนำแฟชั่นเหมื่อนเคยเนื่องจากเธอยังคงอยู่ในอาการโคม่า ทำให้อีเลเว่นต้องแต่งตัวตามสัญชาตญาณตนเองแต่กลับกลายเป็นลุคที่มีเอกลักษณ์ที่สุดลุคหนึ่งของตัวละครเลยทีเดียว
แพร์ริสเล่าว่า มิลลี่ถึงกับพูดติดตลกตอนลองชุดครั้งแรกว่า “ดีนะที่แต่งงานแล้ว” หลังจากเธอเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับเจค บอนโจวีในปี 2024 และรับเลี้ยงลูกสาวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แต่ในที่สุดมิลลี่ก็เริ่มชอบชุดนี้มากขึ้นเมื่อเห็นว่าใส่ออกมาแล้วน่ารักและคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง แถมยังดูเป็นอีเลเว่นเวอร์ชันเติบโตที่ยังคงรากเหง้าจากวันแรกที่เราได้รู้จักเธอ
