Diwali เทศกาลที่ถูกเฉลิมฉลองในหลายศาสนา ทั้ง ฮินดู, เชน, และซิกห์ ทุกศาสนามีจุดร่วมเดียวกันคือ “ชัยชนะของแสงเหนือความมืด ความดีเหนือความชั่ว และความรู้เหนือความไม่รู้”
ใน ฮินดู ตำนานเล่าถึงการกลับบ้านของพระราม (Rama) หลังจากเอาชนะทศกัณฐ์ (Ravana) ผู้คนจึงจุดโคมไฟต้อนรับ แสงนั้นไม่ใช่แค่แสงแห่งชัยชนะ แต่คือ “แสงแห่งการกลับมา” ของความหวังและความดีงาม อีกด้านหนึ่ง ผู้คนนับถือพระลักษมี เทวีแห่งความมั่งคั่ง เพื่อขอให้ชีวิตปีใหม่เต็มไปด้วยพลังบวก
เชน (Jainism) สำหรับศาสนาเชน Diwali คือวันตรัสรู้ของมหาวีระ (Mahavira) ผู้เป็นศาสดาคนสุดท้ายแห่งยุคนี้ แต่แทนที่จะฉลองด้วยพลุ พวกเขาเลือก “ความสงบ” จุดโคมอย่างเรียบง่าย อ่านคัมภีร์ แผ่เมตตา และรักษาหลัก อหิงสา ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใด ๆ
ซิกห์ (Sikhism) ในมุมของศาสนาซิกห์ Diwali ตรงกับวัน “Bandi Chhor Divas” วันที่ศาสดา Guru Hargobind ได้รับอิสรภาพและช่วยปลดปล่อยผู้ถูกจองจำอีก 52 คน เมือง Amritsar จึงเต็มไปด้วยแสงไฟทั่วทุกมุม ไม่ใช่เพื่อเฉลิมฉลองความหรูหรา แต่เพื่อย้ำว่า “อิสรภาพคือแสงที่แท้จริงของมนุษย์”
สุดท้ายแล้ว…แม้จะต่างเรื่องราว ต่างศาสนา แต่ “แสง” ในดิวาลี คือพลังเดียวกัน แสงที่รวมศรัทธา ความหวัง และชีวิตของผู้คนเข้าด้วยกัน
แสงภายในก่อนจุดไฟภายนอก สำหรับคนอินเดีย ดิวาลีไม่ใช่แค่การประดับบ้านให้สวย แต่คือ “การเคลียร์ใจ”
ช่วงก่อนเทศกาล ทุกบ้านจะทำความสะอาด ซ่อมแซม และตกแต่งใหม่หมด เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าเราจะต้อนรับ “แสง” เข้ามา เราต้อง “จัดระเบียบทั้งบ้านและใจ” ให้พร้อมก่อน
การจุดโคมไฟ (Diya) ไม่ใช่แค่ความสว่างที่มองเห็น แต่คือการเชิญสติและความหวังให้กลับมา เป็นเหมือนการบอกตัวเองว่า “ไม่ว่าโลกภายนอกจะมืดแค่ไหน แต่เรายังมีไฟของตัวเอง”
การแบ่งปัน ผู้คนแลกของขวัญ แจกขนม บริจาคให้ผู้ยากไร้ เพราะ “แสง” ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการส่อง แต่จาก “การแบ่งปัน”
การเฉลิมฉลอง เสียงหัวเราะ ดนตรี พลุ สีสันของชีวิตที่เต็มไปด้วยพลังร่วมกัน เพราะ Diwali ไม่ใช่เทศกาลของ “ฉัน” แต่เป็นของ “เรา” ทุกคนในชุมชนร่วมสร้างแสงนั้นขึ้นมา

แสงที่ยั่งยืน : เมื่อเทศกาลเก่าต้องเติบโตไปกับโลกใหม่
ในขณะที่แสงโคม Diwali ทำให้เมืองทั้งเมืองสวยงาม แต่อีกด้านหนึ่งกลับเกิดมลพิษจากพลุและควันไฟ หลายเมืองของอินเดียมีค่า PM2.5 สูงจนแทบหายใจลำบากหลังคืนเทศกาล
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดใหม่ — “Green Diwali” ลดการใช้พลุเสียงดัง หันมาใช้ green crackers ที่ปลอดสารเคมี ใช้ไฟ LED และพลังงานหมุนเวียนแทนไฟฟ้าสิ้นเปลือง ตกแต่งด้วยวัสดุรีไซเคิลแทนพลาสติก
เพราะถ้าแสงที่เราสร้างขึ้น ทำลายสิ่งแวดล้อม… นั่นไม่ใช่ “แสงแห่งชีวิต” แต่คือ “เงาแห่งการหลงลืม”
การเฉลิมฉลองที่แท้จริงของ Diwali ยุคใหม่ จึงไม่ใช่การจุดไฟให้สว่างที่สุดแต่คือ “การเลือกแสงที่ไม่ทำลายโลก”
แสงจาก Diwali ที่ส่องมาถึงเรา เกิดขึ้นได้ด้วยการ จุดไฟในใจให้ก่อนใคร แสงสว่างภายนอกจะหมดไปในไม่กี่วัน แต่แสงในใจอยู่กับเราเสมอ จุดไฟนั้นไว้ด้วยความจริงใจ ความเมตตา และความรู้
ฉลองได้ แต่อย่าทำร้ายโลก สนุกได้โดยไม่ต้องสร้างขยะหรือมลพิษ เทศกาลก็สวยงามได้โดยไม่ทำร้ายใคร
ให้แสงกับคนอื่นด้วย แสงของเราไม่มีวันหมด ถ้าเราแบ่งมันให้ผู้อื่น การแชร์พลังบวก การช่วยเหลือกัน คือ Diwali ในชีวิตจริงของทุกวัน
เรียนรู้จากอดีต สร้างอนาคตที่ยั่งยืน Diwali ไม่ต้องหยุดอยู่ในพิธีแบบเดิม แต่สามารถ “อัปเดต” ให้เข้ากับยุคได้เทศกาลโบราณก็สามารถกลายเป็นแรงบันดาลใจของโลกสมัยใหม่ได้เช่นกัน
ดิวาลีไม่ใช่แค่เทศกาลของอินเดีย แต่เป็น “ภาษาสากลของแสง”แสงที่สอนเราว่า ความดีงามไม่ต้องใหญ่โต แค่เริ่มจากการเปิดไฟเล็ก ๆ ในใจตัวเองและถ้าเราทุกคนจุดแสงนั้นพร้อมกัน โลกทั้งใบก็จะสว่างขึ้นด้วย “แสงแห่งชีวิต ความสุข และความยั่งยืน” ที่ไม่มีวันดับ


