วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ตลาดทองคำท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุน
ทองคำไม่พุ่งแม้สงครามดุเดือด
ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG กล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงเช้าวันจันทร์ (23 มิ.ย. 68 ) เปิดตลาดด้วยความผันผวน โดยปรับตัวขึ้นไปใกล้ระดับ 3,400 เหรียญดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือบวกขึ้นประมาณ 40 เหรียญในช่วงแรก แต่ภายหลังถูกขายทำกำไรและอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบ
สิ่งที่น่าสังเกตคือ แม้จะเกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ราคาทองคำกลับลดลง 65 เหรียญ ซึ่งขัดกับความคาดหวังที่ทองคำควรทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
เปิด 3 ปัจจัยหลักกดดันราคาทองคำ
‘สหรัฐฯ-อิสราเอล’ ครองความได้เปรียบสงคราม
ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG ชี้ว่า การที่อิสราเอลมีชัยชนะเหนืออิหร่าน ประกอบกับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากสหรัฐฯ ขณะที่พันธมิตรรัสเซีย-จีนไม่ให้การสนับสนุนอิหร่าน ทำให้อิหร่านตกอยู่ในสถานการณ์ "หัวเดียวกระเทียมลีบ"
เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการโจมตีฐานทัพนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งในอิหร่าน ตลาดเริ่มมองว่าสงครามอาจจะ "เจ็บแล้วก็จบ" และอิหร่านมีแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการไล่ซื้อทองคำมากขึ้น
ราคาน้ำมันผันผวนส่งผลต่อเงินเฟ้อ
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีความผันผวนไม่แพ้ทองคำ โดยเปิดตลาดปรับตัวขึ้นแรงไปที่ 77 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากข่าวลือเรื่องการปิดช่องแคบฮอร์มุซ แต่ภายหลังอ่อนตัวลงมา 75 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG เตือนว่า หากอิหร่านใช้ "ไพ่ไม้ตาย" ปิดช่องแคบฮอร์มุซจริง ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 100-150 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะกดดันเงินเฟ้อให้พุ่งทะยานและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ดอลลาร์แข็งค่า กระแส De-Dollarization ถดถอย
ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG มองว่าการที่สหรัฐฯ หนุนหลังอิสราเอลในการทำสงครามจากการใช้อาวุธพิเศษที่สามารถเจาะลงไปในบังเกอร์ใต้ดินลึกถึง 10 เมตรได้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางทหารของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์ อาจทำให้สหรัฐฯ สามารถขายอาวุธได้ สะท้อนให้เห็นว่าดอลลาร์กลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น กระแส De-Dollarization ที่หลายคนคาดการณ์ไว้อาจไม่เกิดขึ้น นักลงทุนอาจจะเข้ามาถือครองดอลลาร์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม YLG ยังมองว่าเหตุการณ์ดังกลาวอาจจะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสงครามว่าฝ่ายใดจะชนะระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ
ทองคำต่างประเทศ
YLG แนะนำให้ใช้แนวรับในการเข้าซื้อที่ระดับ 3,338-3,314 เหรียญดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวต้านแรกที่ 3,380 เหรียญ และแนวต้านสำคัญที่ 3,400 เหรียญ
ทองคำไทย
สำหรับทองคำในประเทศ แนะนำแนวรับที่ 52,250-51,900 บาทต่อบาททอง หากไม่หลุดระดับนี้สามารถพิจารณาเข้าซื้อได้ โดยมีแนวต้านที่ 52,900-53,250 บาทต่อบาททอง
คำแนะนำสำคัญ: ควรเน้นการทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคามีความผันผวนสูง และทยอยขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านเพื่อลดความเสี่ยง
ค่าเงินบาทแนวโน้มอ่อนค่าต่อ
ค่าเงินบาทปัจจุบันมีการอ่อนค่าทำระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม โดยเคลื่อนไหวเหนือระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้
ปัจจัยที่กดดันให้บาทอ่อนค่า ได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ผันผวน ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
YLG ประเมินแนวรับของบาทที่ 32.87-32.77 บาทต่อดอลลาร์ และแนวต้านระยะสั้นที่ 33.03-33.12 บาทต่อดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
มีกระแสคาดการณ์ว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจส่งผลให้บาทอ่อนค่าไปแตะระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์นี้
- ดัชนี Core PCE เดือนพฤษภาคม (วันศุกร์) คาดว่าจะคงที่ 2.5%
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์
- GDP Q1 ประมาณการครั้งสุดท้าย คาดว่าจะติดลบ 0.2%
ราคาทองคำยังมีโอกาสฟื้น หากสถานการณ์พลิก
ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG สรุปว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยไม่น่าจะลงลึกมากนัก จึงมองว่าจังหวะที่ทองคำอ่อนตัวเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังและเน้นการทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากสถานการณ์สงครามยากต่อการคาดการณ์ ไม่ทราบว่าจะรุนแรงขึ้นหรือจบลงอย่างรวดเร็ว
"หากอิสราเอล-สหรัฐฯ ชนะสงคราม ทองคำอาจขึ้นได้น้อย แต่หากอิหร่านกลับมาได้เปรียบ ทองคำจะมีโอกาสขึ้นได้มากกว่า" ผู้เชี่ยวชาญจาก YLG กล่าวทิ้งท้าย