ว่าที่ประธานเฟดสหรัฐฯ สนับสนุนลดดอกเบิ้ยในเดือนตุลาคม

17 ต.ค. 2568 - 01:01

  • วอลเลอร์สนับสนุนลดดอกเบิ้ย 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 29 ตุลาคม

  • ตลาดแรงงานอ่อนตัวลงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจนโยบายการเงิน

  • ทรัมป์มอบหมายรัฐมนตรีคลังหาผู้สืบทอดตำแหน่งประธานเฟด

ว่าที่ประธานเฟดสหรัฐฯ สนับสนุนลดดอกเบิ้ยในเดือนตุลาคม

คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และตัวเต็งสำหรับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการลดอัตราดอกเบิ้ย 0.25% ในการประชุมคณะกรรมการตลาดเงินแบบเปิด (FOMC) ปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยให้เหตุผลว่าเงินเฟ้อจะลดลงและตลาดแรงงานกำลังอ่อนตัว

วอลเลอร์กล่าวในงานสัมมนาที่นิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้นักกำหนดนโยบายควรให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานที่กำลังอ่อนตัวลง แทนที่จะกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานมีแนวโน้มลดลงในปีนี้ และการจ้างงานอาจหดตัวลงแล้ว

ความท้าทายของนโยบายการเงิน

ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีภารกิจคู่จากสภาคองเกรสในการทำงานอย่างเป็นอิสระเพื่อรับมือทั้งเงินเฟ้อและการจ้างงาน โดยใช้การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบิ้ยอ้างอิงเป็นเครื่องมือสร้างสมดุล วอลเลอร์ให้ความเห็นว่า ภาษีนำเข้ามีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเงินเฟ้อ และด้วยเงินเฟ้อพื้นฐานที่ใกล้เป้าหมายแล้ว เราอยู่ในเส้นทางสู่เป้าหมาย 2% ของ FOMC

การประชุม FOMC เดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการลงมติลดอัตราดอกเบิ้ย 0.25% ให้อยู่ที่ระดับ 4.00-4.25% และวางแผนลดเพิ่มอีก 2 ครั้งในการประชุมเดือนตุลาคมและธันวาคม

การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานเฟด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาผู้สมัครสำหรับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ทดแทนเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งคาดว่าจะครบวาระ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง ได้รับมอบหมายให้ค้นหาผู้สมัครที่เหมาะสม โดยวอลเลอร์เป็นหนึ่งในตัวเต็ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ

ความเห็นที่แตกต่างในหมู่ผู้ว่าการเฟด

สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟดอีกคนหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์ กลับแสดงจุดยืนสนับสนุนการลดดอกเบิ้ย 0.50% ในเดือนตุลาคม โดยกล่าวว่าการลดเพียง 0.25% ในแต่ละครั้งจะช้าเกินไป ขณะที่ตลาดคาดการณ์ถึงโอกาส 92% ที่จะมีการลดดอกเบิ้ยรวม 0.50% ก่อนสิ้นปี ตามข้อมูลจาก CME Group

ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี คศ.2000
ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี คศ.2000

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์