หน่วยกำกับดูแลการเงินของอังกฤษเปิดเผยว่า สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อรถยนต์ดอกเบี้ยสูงอาจต้องจ่ายเงินชดเชยมากกว่า 9,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าศาลสูงสุดของประเทศจะตัดสินว่าสัญญาสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นไปตามกฎหมายก็ตาม
การตัดสินของศาลสูงสุด
ศาลสูงสุดของอังกฤษมีคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยกลับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ในคดีสินเชื่อรถยนต์ 2 ใน 3 คดี ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับธนาคารที่กำลังเตรียมรับมือกับการเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้ซื้อรถยนต์หลายล้านราย
อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงพิพากษายืนตามคำตัดสินเดิมในหนึ่งคดี ทำให้โจทก์ในคดีดังกล่าวสามารถเรียกร้องค่าชดเชยได้
ประเมินความเสียหายครั้งใหม่
องค์กรกำกับดูแลด้านการเงิน (Financial Conduct Authority - FCA) ระบุในการสอบสวนที่แยกออกมาต่างหากว่า ต้นทุนของโครงการชดเชยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการค่าคอมมิชชั่นสำหรับสินเชื่อรถยนต์น่าจะสูงกว่า 9,000 ล้านปอนด์
‘แม้จะมีสถานการณ์ที่เป็นไปได้ซึ่งสนับสนุนการประมาณการต้นทุนรวมสูงถึง 18,000 ล้านปอนด์ แต่เราไม่คิดว่าสถานการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นมากที่สุด และการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่อยู่ตรงกลางของช่วงนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า’ FCA กล่าว
องค์กรประเมินว่าผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะได้รับเงินชดเชยไม่เกิน 950 ปอนด์ต่อราย
คดีที่ยังคงมีผล
คดีที่ศาลสูงสุดพิพากษายืนตามคำตัดสินเดิมเกี่ยวข้องกับมาร์คัส จอห์นสัน ซึ่งในปี 2017 ซื้อรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ จากตัวแทนจำหน่ายในคาร์ดิฟฟ์ ราคา 6,500 ปอนด์รวมค่าใช้จ่ายสินเชื่อ โดยไม่ทราบว่าดอกเบี้ยจากเงินกู้จะถูกนำไปเป็นค่าคอมมิชชั่นมากกว่า 1,600 ปอนด์
เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินให้จอห์นสันชนะคดี และสั่งให้เฟิร์สแรนด์ แบงก์ ธนาคารที่มีฐานในแอฟริกาใต้ คืนค่าคอมมิชชั่นพร้อมดอกเบี้ย ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในภาคการเงิน
มุมมองจากหน่วยกำกับดูแล
นิคิล ราติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FCA กล่าวว่า ‘เป็นที่ชัดเจนว่าบางบริษัทได้ละเมิดกฎหมายและกฎระเบียบของเรา เป็นเรื่องยุติธรรมที่ลูกค้าของพวกเขาจะได้รับการชดเชย’
คำตัดสินของศาลให้ความชัดเจนแก่ FCA ในการดำเนินการต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการตีความกฎหมายที่แตกต่างกันจากศาลต่างๆ
สินเชื่อเหล่านี้ซึ่งมีให้บริการตั้งแต่ปี 2007 ในบางกรณีอนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อแลกกับค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้นจากธนาคาร ก่อนการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ธนาคาร HSBC เคยประเมินว่า ต้นทุนรวมที่ภาคธนาคารอาจต้องแบกรับสามารถสูงถึง 44,000 ล้านปอนด์
