คอนเทนท์ไทย อัลกอริทึมครอบงำคุณภาพ
การประชุม AVIA Policy Roundtable 2025 เวทีปิดระดับภูมิภาคด้านนโยบายอุตสาหกรรมภาพและเสียงในเอเชีย โดยเชิญผู้กำกับนโยบาย หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงผู้เล่นหลักจากหลายประเทศ มาคุยกันในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทิศทางอุตสาหกรรมสื่อและแพลตฟอร์มดิจิทัลในยุคโลกาภิวัตน์ หนึ่งในไฮไลต์ของเวทีนี้คือการนำเสนอเกี่ยวกับ อนาคตและโอกาสของคอนเทนท์ของนักพัฒนาชาวไดย โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. “คุณค่าทางยุทธศาสตร์ของคอนเทนต์ท้องถิ่นไทยในภูมิทัศน์สื่อโลก” สะท้อนถึงศักยภาพของ Soft Power ไทย และแนวทางนโยบายที่จำเป็นต่อการผลักดันให้เติบโตในตลาดนานาชาติ
โดดเด่นบนเวทีโลก ด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรม
ดร.พิรงรอง กล่าวว่า คอนเทนต์ไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในระดับสากลจากการผสานเอกลักษณ์ท้องถิ่นเข้ากับแนวการเล่าเรื่องสมัยใหม่ เช่น เสน่ห์ของประเพณีและความเชื่อไทยที่ถูกเล่าใหม่ผ่านบริบทปัจจุบัน , การนำเสนออารมณ์ขันและค่านิยมครอบครัว และ การหยิบประเด็นสังคม เช่น ความเหลื่อมล้ำ สุขภาพจิต หรือความขัดแย้งระหว่างเจเนอเรชัน คอนเทนต์ไทยจึงโดดเด่นด้านความจริงแท้ทางวัฒนธรรม และเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการสร้างตัวตน (identity) บนเวทีโลก
บทบาทของหน่วยงานรัฐ ต้องเปิดกว้าง สนับสนุนแนวคิดใหม่
เพื่อให้คอนเทนท์ไทยเติบโตในระดับนานาชาติ หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้อง มีความคล่องตัวมากขึ้น และลดการกำกับแบบรวมศูนย์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้เกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CCIs) ไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ CCIs หลายแห่ง แต่ยังขาดความเชื่อมโยงร่วมกัน แม้ระบบกำกับจะไม่เป็นเอกภาพ แต่อุตสาหกรรมกลับสามารถทดลองแนวทางใหม่และสร้างผลงานที่เติบโตในตลาดโลกได้จึงให้เกิดการสนับสนุนอย่างเปิดกว้าง สนับสนุนการทดลอง และส่งเสริมการเล่าเรื่องรูปแบบใหม่
วิเคราะห์ SWOT คอนเทนต์ไทย
การวิเคราะห์ SWOT คอนเทนท์ไทย จุดแข็ง คือ ละครไทยมีสไตล์เฉพาะตัวในระดับภูมิภาค เล่าเรื่องที่วิพากษ์ชนชั้น เพศ อำนาจ และการมีสร้างฐานแฟนที่เหนียวแน่น
จุดอ่อน คอนเทนท์ไทย ยังพึ่งพา “เมโลดราม่า” มากเกินไปทำให้ขาดนวัตกรรม นโยบายสนับสนุนกระจัดกระจาย เช่น พ.ร.บ. THACCA ยังไม่ออก และมีการลงทุน R&D น้อยเกินไป
โอกาส ของคอนเทนท์ไทย มีการผสมผสานอัตลักษณ์ไทยกับฟอร์แมตสากล ยังมีความต้องการคอนเทนต์หลากหลายเพิ่มขึ้น มีโอกาสสร้างรายได้แบบแฟนดอมและต่อยอด
ความเสี่ยง เรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวแต่ดันเกี่ยวกับ คอนเทนท์ไทย คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง อันนี้เรื่องใหญ่สุด คือ การแข่งขันจากแพลตฟอร์มระดับโลก และเมื่อต้องพึ่งพาสื่อสังคมออนไลน์ ก็พบว่า อัลกอริทึมผันผวนและพฤติกรรมผู้ชมเปลี่ยนเร็ว
อัลกอริทึมครอบงำคุณภาพ
อัลกอริทึมครอบงำคุณภาพคอนเทนต์ มีการอภิปรายว่าการควบคุมของแพลตฟอร์มส่งผลให้ เนื้อหาที่เน้นอารมณ์ กระตุ้น engagement ถูกดันมากกว่าเนื้อหาคุณภาพ มาตรฐานทางจริยธรรมถูกลดความสำคัญ เพราะแพลตฟอร์มมองตัวเลขเป็นหลัก และเกิดคำถามว่าผู้สร้างควรปรับตัวอย่างไรภายใต้ “Algorithm-driven content economy”
นโยบาย กสทช. ไทยต่อแพลตฟอร์มและการผลิตคอนเทนต์ท้องถิ่น
กสทช. นำเสนอกรอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล ใช้แนวกำกับแบบ light-touch เน้นความโปร่งใส ความเป็นธรรม และการคุ้มครองผู้บริโภค สร้างกลไกความรับผิดชอบและมาตรฐานชุมชน
สนับสนุนงบประมาณเพื่อผลิตคอนเทนต์ เน้นคอนเทนต์เพื่อ เด็กและเยาวชน ความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย การทำงานร่วมผลิตกับต่างประเทศ
ขับเคลื่อน “National Streaming Platform” รวมคอนเทนต์จากทีวีท้องถิ่น โฆษณา และข้อมูลผู้ชมสู่ศูนย์กลางเดียวเพื่อสร้างแพลตฟอร์มระดับชาติ ที่สามารถต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศ
คอนเทนต์ท้องถิ่นไทยในยุคแพลตฟอร์มโลก ต้องได้รับการสนับสนุน อย่างจริงใจ จากภาครัฐไทยเพื่อเปิดพื้นที่มากขึ้นสำหรับนวัตกรรมการเล่าเรื่อง คนไทยมีสิ่งนั้นอยู่แล้ว การกำกับแพลตฟอร์ม จึงควรให้ความสำคัญกับความโปร่งใส และการลงทุนสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทย เพื่อนำอุตสาหกรรมสื่อของไทยสู่เวทีสากลอย่างยั่งยืน


