กระทรวงพาณิชย์ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ภายใต้ “แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทน” (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on Reciprocal Trade) เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันจัดทำกรอบแนวทางการเจรจาความตกลงทางการค้า โดยมุ่งสร้างสมดุลทางการค้าและรักษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดสหรัฐฯ
“แถลงการณ์นี้ยังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดความร่วมมือเชิงลึกในทุกด้าน” ศุภจี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ไทยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาภายในสิ้นปี 2568 โดยทีมเจรจาของไทยจะพิจารณารอบด้าน ทั้งผลต่อภาคการผลิต การส่งออก การลงทุน และการจ้างงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และสร้างบรรยากาศการค้า–การลงทุนที่มั่นใจมากขึ้นในระยะยาว
สำหรับกรอบการเจรจาจะครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่
• มาตรการภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี
• การค้าบริการ การลงทุน และเศรษฐกิจดิจิทัล
• การป้องกันการหลบเลี่ยงอากรและกฎถิ่นกำเนิดสินค้า
• โอกาสด้านจัดซื้อเชิงพาณิชย์ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจร่วมกัน
รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐฯ เป็นพิเศษ เพราะเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 รองจากจีน
ในปี 2567 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทย-สหรัฐฯ อยู่ที่ 74,484.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 54,956.21 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 19,528.61 ล้านดอลลาร์
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และโทรศัพท์มือถือ ส่วนสินค้านำเข้าหลักคือ น้ำมันดิบ เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ และเครื่องบิน
ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างจัดตั้ง “คณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ” โดยมี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เจรจาและผลักดันผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศไทย
“ความร่วมมือนี้คือจุดเริ่มต้นสำคัญของยุคใหม่ด้านการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่จะไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกเท่านั้น แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนและนักลงทุนในระยะยาว”
— รมว.พาณิชย์ กล่าวทิ้งท้าย


