สภาเอสเอ็มอีค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่

21 ต.ค. 2568 - 05:16

  • สภาเอสเอ็มอี ยื่นหนังสือแสดงจุดยืน

  • คัดค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่

  • กระทบความสามารถในการแข่งขัน เสี่ยงปิดกิจการและเลิกจ้าง

สภาเอสเอ็มอีค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่

สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ยื่นหนังสือแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คุมครองแรงงานใหม่  ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ  และมีความเสี่ยงต้องปิดกิจการจากต้นทุนที่สูงขึ้น  ส่งผลถึงการเลิกจ้างแรงงานด้วย

ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย นายสุปรีย์ ทองเพชร ได้ส่งหนังสือแสดงข้อคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของนายจรัส คุ้มไข่นํ้า ต่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายจรัส คุ้มไข่นํ้า) เพื่อให้ข้อมูลผลกระทบที่ตามมา และแสดงจุดยืนขอคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวโดยหนังสือมีรายละเอียดดังนี้

20 ตุลาคม 2568

เรื่อง ข้อคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของนายจรัส คุ้มไข่นํ้า

 เรียน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายจรัส คุ้มไข่นํ้า)

 อ้างถึง ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของนายจรัส คุ้มไข่นํ้า

 สิ่งที่ส่งมาด้วย ความเห็นสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยต่อ (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ตามที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจําปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เสนอโดย นายจรัส คุ้มไข่นํ้า พรรคประชาชน และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียดเป็นรายมาตรา ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้ง ภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นั้น

สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงานที่สําคัญหลายประการ แม้ว่าจะมีเจตนารมณ์ที่ดีในการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน แต่การเปลี่ยนแปลงที่เสนอนั้นมีลักษณะเป็นการบังคับใช้แบบ ‘One-Size-Fits-All’ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งเป็นรากฐานสําคัญของเศรษฐกิจไทย คิดเป็น 99.5% ของธุรกิจทั้งหมดและมีการจ้างงานกว่า70% ของแรงงานทั้งประเทศผลกระทบหลักที่คาดการณ์ได้คือ ต้นทุนด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด (ประมาณ40-50%) ซึ่งจะบั่นทอนความสามารถในการแข่งขัน ลดผลกําไร และนําไปสู่ความเสี่ยงในการปิดกิจการของผู้ประกอบการจํานวนมาก นอกจากนี้ ยังอาจก่อให้เกิด ผลกระทบเชิงลบที่ไม่ได้ตั้งใจ (Paradoxical Effect) ต่อตลาดแรงงาน กล่าวคือ แทนที่จะสร้างความมั่นคง อาจนําไปสู่การลดการจ้างงานประจําและเพิ่มการใช้แรงงานชั่วคราวหรือการจ้างเหมาบริการมากขึ้น

ดังจะเห็นได้จาก กรณีศึกษาจากต่างประเทศ ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงลบของการบังคับใช้

กฎหมายลักษณะเดียวกันนี้โดยขาดมาตรการรองรับที่เพียงพอ ด้วยความตระหนักถึงเจตนารมณ์ที่ดีของกฎหมายแต่ในขณะเดียวกันก็ห่วงใยอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศ  การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานเป็นเป้าหมายที่สําคัญ แต่เครื่องมือที่ใช้ต้องไม่ทําลายรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ การผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับนี้โดยไม่มีการปรับแก้และไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสม จะสร้างภาระหนักหน่วงเกินกว่าที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยจะรับไหว และอาจนําไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจและการจ้างงานในวงกว้าง สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยจึงขอแสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..)พ.ศ. .... (นายจรัส คุ้มไข่นํ้า) ที่ยังคงมีข้อกังวลและความไม่ชัดเจนถึงผลกระทบต่างๆ และขอให้ทบทวนการนําพระราชบัญญัติมาใช้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อคิดเห็นและข้อมูลจากกรณีศึกษาต่างประเทศในเอกสารฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของท่าน เพื่อนําไปสู่การตัดสินใจที่เป็นคุณต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

ขอแสดงความนับถือ

(นายสุปรีย์ ทองเพชร)

ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย

การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงหลักในร่างพระราชบัญญัติ

ร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญใน 3 ประเด็นหลัก ซึ่งสามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้

Screenshot 2568-10-21 at 10.30.51.png

ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับธุรกิจ SME

1. ต้นทุนด้านแรงงานพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน

การลดชั่วโมงทํางานลง 27% ควบคู่กับการเพิ่มวันหยุดประจําปีอีก 14 วัน หมายความว่า หาก SMEต้องการรักษาระดับการผลิตหรือการให้บริการให้เท่าเดิม จะต้องจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 38-40% เพื่อทดแทนชั่วโมงทํางานที่หายไป ซึ่งนําไปสู่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนอย่างมหาศาล

 ตัวอย่าง: ธุรกิจ SME ที่มีพนักงาน 10 คน เงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท

• ต้นทุนค่าจ้างเดิม: 150,000 บาท/เดือน

• ต้องจ้างพนักงานเพิ่ม: อย่างน้อย 4 คน (ต้นทุนเพิ่ม 60,000 บาท/เดือน)

• ต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้น: ค่าประกันสังคม, สวัสดิการ, ค่าฝึกอบรม (ประมาณ 9,000 บาท/เดือน)

• รวมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น: ประมาณ 69,000 บาท/เดือน หรือ 828,000 บาท/ปี ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นของ

ต้นทุนบุคลากรถึง 46%

SME จํานวนมากที่มีอัตรากําไรสุทธิเพียง 5-10% จะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระดับนี้ได้ และมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องปิดกิจการ

2. ความโกลาหลในการดําเนินงานและการบริหารจัดการ

 การลดชั่วโมงทํางานและเพิ่มวันหยุดจะสร้างความซับซ้อนในการจัดตารางการทํางานอย่างมากโดยเฉพาะในธุรกิจบริการที่ต้องเปิดทําการ 7 วันต่อสัปดาห์ เช่น ร้านอาหาร, ค้าปลีก, โรงแรม และโลจิสติกส์ ซึ่งจะต้องมีการจัดกะที่ซับซ้อนขึ้น, เพิ่มจํานวนพนักงานในแต่ละกะ และอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการบริการและคุณภาพในการส่งมอบงานและการบริการ

3. การสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

 ต้นทุนที่สูงขึ้นจะบีบให้ SME ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะทําให้ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความได้เปรียบด้านขนาด (Economies of Scale) และสินค้านําเข้าจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานตํ่ากว่าได้ ส่งผลให้ SME ไทยสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดและอาจต้องออกจากตลาดไปในที่สุด

4. ผลกระทบเชิงลบที่ไม่ได้ตั้งใจต่อการจ้างงาน (The Paradoxical Effect)

แม้กฎหมายจะมีเจตนาคุ้มครองแรงงาน แต่ผลลัพธ์อาจเป็นตรงกันข้าม (Perverse Outcome) เพื่อความอยู่รอด SME อาจถูกบีบให้ต้อง

• ลดการจ้างงานประจํา: เพื่อควบคุมต้นทุนคงที่

• หันไปใช้ระบบอัตโนมัติ: เพื่อทดแทนแรงงานคนที่ต้นทุนสูงขึ้น

• เพิ่มการจ้างงานที่ไม่มั่นคง: เช่น การจ้างเหมาบริการ (Outsource), การจ้างพนักงานชั่วคราว

(Temporary Staff) หรือ Gig Workers ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้มักไม่ได้รับความคุ้มครองและสวัสดิการเท่าเทียมกับพนักงานประจําปรากฏการณ์นี้จะทําให้ตลาดแรงงานมีความเปราะบางมากขึ้น และบั่นทอนเจตนารมณ์ของกฎหมายในที่สุด

5. บทเรียนจากกรณีศึกษาต่างประเทศ

การบังคับใช้กฎหมายลดชั่วโมงทํางานไม่ใช่เรื่องใหม่ และบทเรียนจากต่างประเทศเป็นเครื่องยืนยันถึงความเสี่ยงของแนวทางนี้ได้เป็นอย่างดี

 กรณีศึกษาเชิงลบ: การบังคับใช้กฎหมายในฝรั่งเศสและเกาหลีใต้

Screenshot 2568-10-21 at 10.33.17.png

บทเรียนจากทั้งสองประเทศชี้ชัดว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดโดยขาดความยืดหยุ่นและมาตรการสนับสนุนที่เพียงพอ นําไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อ SME และตลาดแรงงานโดยรวม

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ด้วยความตระหนักถึงเจตนารมณ์ที่ดีของกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ห่วงใยอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ SME และเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงขอเสนอแนวทาง 5 ประการเพื่อการพิจารณา ดังนี้

1. ทบทวนแนวทางการบังคับใช้แบบหนึ่งเดียว (One-Size-Fits-All): ควรพิจารณาแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเช่น การกําหนดกรอบเวลาทํางานเป็นค่าเฉลี่ยต่อเดือน หรือการมีข้อยกเว้นสําหรับธุรกิจบางประเภทหรือSME ที่มีขนาดเล็กมาก

2. ใช้แนวทางการบังคับใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป (Phased Implementation): หากจะมีการบังคับใช้ ควรมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่ยาวนานเพียงพอ (เช่น 5-7 ปี) และเริ่มต้นจากบริษัทขนาดใหญ่ก่อน เพื่อให้ SMEมีเวลาในการปรับตัวและเรียนรู้จากกรณีศึกษาในประเทศ

3. จัดทําโครงการนําร่องโดยสมัครใจ (Voluntary Pilot Program): สนับสนุนให้เกิดโครงการนําร่องในประเทศไทย คล้ายกับกรณีของสหราชอาณาจักร เพื่อรวบรวมข้อมูลจริงเกี่ยวกับผลกระทบ, ความท้าทายและปัจจัยแห่งความสําเร็จในบริบทของไทย ก่อนที่จะพิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในวงกว้าง

4. ออกมาตรการสนับสนุน SME อย่างเป็นรูปธรรม: หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย รัฐบาลจําเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือ SME อย่างจริงจัง เช่น

• มาตรการทางภาษี: ลดหย่อนภาษีสําหรับบริษัทที่ต้องจ้างงานเพิ่ม

• เงินอุดหนุน (Subsidies): ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการนําเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเพิ่ม

ผลิตภาพ

• โครงการฝึกอบรม: พัฒนาทักษะการบริหารจัดการและการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการและแรงงาน

5. เปิดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างแท้จริง (Tripartite Consultation): จัดให้มีเวทีปรึกษาหารือระหว่าง 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐ, ตัวแทนนายจ้าง (โดยเฉพาะจากสมาคม SME) และตัวแทนลูกจ้าง เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายที่สมดุลและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน

Screenshot 2568-10-21 at 12.00.21.png
Screenshot 2568-10-21 at 12.00.34.png
Screenshot 2568-10-21 at 12.00.48.png
Screenshot 2568-10-21 at 12.00.59.png
Screenshot 2568-10-21 at 12.01.11.png

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์


สภาเอสเอ็มอีค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่