ในยุคที่สงครามการค้าและความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างมหาอำนาจกดดันตลาดโลก การส่งออกของไทยซึ่งเคยเป็นหัวจักรสำคัญของเศรษฐกิจ ขยายตัวช้าลงและไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ ศูนย์วิจัยความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนา (ICDS) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) จึงทำงานวิจัย “แนวทางปรับโครงสร้างภาคการส่งออก” เพื่อหากลยุทธ์ใหม่ยกระดับขีดความสามารถของไทยในตลาดโลก การเปิดผลวิจัยครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ทั้งออนไลน์และออนไซต์
งานวิจัยชี้ว่า หากไทยเร่งผลักดันการลงทุนและการผลิตใน 2 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ (Next Generation Electronic Cluster: NGEC) และ ยานยนต์แห่งอนาคต (Next Generation of Mobility Cluster: NGMC) จะสามารถสร้างการลงทุนใหม่รวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท และเพิ่มการส่งออกในระยะสั้นได้หลายพันล้านดอลลาร์
ณิชชาภัทร กาญจนอุดมการณ์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สนค. ระบุว่า การส่งออกเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องปรับโครงสร้างเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โลก สนค.จะเดินหน้าผลักดันนโยบายเชิงรุก เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงประจักษ์และยั่งยืนต่อภาคการส่งออกของไทย
ด้าน รศ. ดร.อาชนัน เกาะไพบูลย์ หัวหน้าคณะวิจัย มธ. กล่าวว่า ระหว่างปี 2562–2567 การส่งออกของไทยขยายตัวช้าลง ส่วนแบ่งตลาดโลกคงที่ที่เพียง 1.4% จึงจำเป็นต้องยกระดับด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง พร้อมเสริมโครงสร้างพื้นฐานและกระจายตลาดเพื่อลดการพึ่งพิงประเทศใดประเทศหนึ่ง
ผลวิจัยพบว่า NGEC ปัจจุบันครองสัดส่วน 33% ของการส่งออกไทย และมีตลาดโลกกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขยายตัวมากกว่า 10% ต่อปี ขณะที่ NGMC มีสัดส่วนส่งออก 13% และกำลังเดินหน้าสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยหากไทยสร้างซัพพลายเชนเข้มแข็งจะช่วยดึงดูดการลงทุนใหม่และลดข้อกังวลเรื่อง ‘สวมสิทธิ์ส่งออก’

คณะวิจัยยังได้เสนอข้อแนะเชิงนโยบาย เช่น การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านเซมิคอนดักเตอร์ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติควบคู่กับการขยายฐานนักลงทุนเดิม การเร่งเจรจา FTA ตอบโจทย์ตลาดเป้าหมาย และการใช้มาตรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย หากดำเนินการจริงจังคาดว่าจะกระตุ้นการส่งออกเพิ่มขึ้น 6,000–7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
งานวิจัยชุดนี้สะท้อนว่า การปรับโครงสร้างการส่งออกไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ตัวเลขการค้า’ แต่คือการออกแบบอนาคตเศรษฐกิจไทยให้แข่งขันได้ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนสมรภูมิการผลิตและการลงทุนอย่างรวดเร็ว
