เศรษฐกิจเดิมพัน? ‘โป๊กเกอร์เป็นกีฬา’ จุดชนวนคำถามสะเทือนรัฐ - ธนากร คมกริช โพสต์ถามตรง “ทำไมต้องเป็นตอนนี้?”
การเปลี่ยนผ่านสถานะของ ‘โป๊กเกอร์’ จากเกมการพนันที่อยู่ในบัญชี ข. ของ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 มาเป็น ‘กีฬา’ ที่สามารถจัดแข่งขันในไทยได้อย่างเปิดเผย กลายเป็นจุดร้อนใหม่ในสังคมและวงการเศรษฐกิจ เมื่อ ธนากร คมกริช นักวิเคราะห์อิสระด้านนโยบายสาธารณะ โพสต์ตั้งคำถามในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“ทำไมโป๊กเกอร์ถึงมาเป็นกีฬาเวลานี้?”
คำถามนี้สะท้อนข้อสงสัยที่สังคมจำนวนมากเริ่มตั้งขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มีมติให้โป๊กเกอร์เป็น “กีฬาสาธิต” และเพียงหนึ่งสัปดาห์ต่อมา วันที่ 30 กรกฎาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ลงนาม “ปลดล็อก” ให้สามารถขออนุญาตจัดการแข่งขันโป๊กเกอร์ได้ตาม พ.ร.บ.การพนัน
จังหวะเวลานี้เกิดขึ้น ตรงเป๊ะ กับกำหนดการจัดการแข่งขันโป๊กเกอร์ระดับนานาชาติครั้งใหญ่ในไทยที่ดำเนินการโดยบริษัทต่างชาติ World Poker Tour สร้างข้อกังขาว่า “กระบวนการปลดล็อกเพื่อใคร?” และ “ไทยได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน?”

คำถามแรก: โป๊กเกอร์เป็นกีฬาได้อย่างไร?
ธนากรตั้งข้อสังเกตว่า การกีฬาแห่งประเทศไทยเคยปฏิเสธคำร้องของผู้ขอจัดตั้งสมาคมกีฬาโป๊กเกอร์ โดยให้เหตุผลว่า “โป๊กเกอร์ขาดคุณสมบัติ” ที่จะเป็นกีฬา
แต่เหตุใดเพียงไม่กี่ปีต่อมา กกท.จึงกลับลำโดยไม่มีการอธิบายต่อสาธารณะอย่างชัดเจน?
ที่น่าสังเกตยิ่งขึ้นคือ ผู้ที่ยื่นคำขอดังกล่าวคือบุคคลเดียวกับที่ปรากฏชื่อเป็น “ว่าที่นายกสมาคมกีฬาโป๊กเกอร์แห่งประเทศไทย” และยังอยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ขณะที่คณะกรรมการพิจารณาในครั้งนี้ก็มีชื่อเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานกรรมการ
จังหวะปลดล็อกเหมาะเจาะกับงานเอกชน
การแข่งขันโป๊กเกอร์ที่มีเงินรางวัลรวมสูงถึง 37 ล้านบาท ถูกจัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้แบรนด์ World Poker Tour โดยมีการขายแพ็คเกจร่วมกิจกรรมในราคาตั้งแต่ 7,000 – 37,000 บาทมทั้งที่ยังไม่ชัดเจนว่ากระบวนการขออนุญาตสมบูรณ์หรือไม่
หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้จัดจึงมั่นใจและกล้าประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าหลายเดือน ทั้งที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนกฎหมายอย่างครบถ้วน?
และถ้าหากการจัดงานนี้อาศัยสถานะ ‘กีฬาสาธิต’ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าข่ายเป็นการพนัน การเก็บค่าต๋งโต๊ะละ 2,000 บาทและการตั้งเงินรางวัลขนาดใหญ่ ถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
ใครกำกับดูแล? ใครได้ประโยชน์?
คำถามเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญคือ ประเทศไทยได้อะไรจากการอนุญาตให้มีการแข่งขันลักษณะนี้?
มีการเรียกเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมจากเงินรางวัลหรือรายได้จากผู้ร่วมงานหรือไม่? และในฐานะประเทศเจ้าภาพ ไทยได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่มาร่วมกิจกรรมมากน้อยเพียงใด?
นอกจากนี้ยังมีคำถามด้านกฎหมายและจริยธรรมว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีบทบาทกำกับดูแลหรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็น กกท., กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กสทช., กระทรวงดิจิทัล, กระทรวงการคลัง หรือสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) รวมถึงเจ้าของสถานที่จัดงานอย่างศูนย์การค้าและศูนย์ประชุม UOB LIVE ซึ่งอาจเข้าข่ายมีความผิดหากพิสูจน์ได้ว่ามีการจัดเล่นพนันจริง
เศรษฐกิจไทย...เดิมพันหรือได้เปรียบ?
เมื่อ “โป๊กเกอร์” กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในวงการกีฬาไทย คำถามจากภาคประชาชนจะยังคงดังขึ้น
• กฎกติกาที่ใช้วางมาตรฐานมีความโปร่งใสเพียงใด?
• มีแรงจูงใจจากเอกชนหรือผลประโยชน์การเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่?
• และการตัดสินใจของรัฐบาลชุดนี้ เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยระยะยาวหรือไม่?
ธนากร คมกริช จบท้ายโพสต์ของเขาด้วยข้อความว่า “คำถามมีมากมาย... และประชาชนสมควรได้รับคำตอบ”
เสียงสะท้อนนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการถกเถียงที่ใหญ่กว่าคำว่า ‘ไพ่โป๊กเกอร์’ แต่อาจกลายเป็นคำถามถึงหลักการและความโปร่งใสในการกำกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
