ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่กองทัพเมียนมากลับมาปฏิบัติการกวาดล้างแหล่งสแกมเมอร์ใน “โครงการเคเคปาร์ค” แหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ จังหวัดเมียวดี ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2568 กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่ส่งแรงสะเทือนไปยังเศรษฐกิจชายแดนไทย โดยเฉพาะในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นประตูการค้าสำคัญระหว่างไทย-เมียนมา
การปฏิบัติการครั้งนี้ มีการจับแรงงานหลายสัญชาติกว่า 2,000 คน พร้อมยึดอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียม ‘สตาร์ลิงก์’ กว่า 30 เครื่อง ก่อนที่ BGF จะมีการปล่อยแรงงานอีกราว 300 คน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ทำให้แรงงานส่วนหนึ่งหลบหนีออกจากพื้นที่เมียวดี กระจายตามชายแดน และพยายามข้ามแม่น้ำเมยเข้าสู่ประเทศไทย ที่บริเวณบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ต้องเพิ่มมาตรการคุมเข้มชายแดน ร่วมสกัดกั้นการทะลักเข้ามาของแรงงานหลายสัญชาติ โดยคืนแรกมีการควบคุมตัวแรงงานต่างชาติได้กว่า 300 คน และคาดว่าตัวเลขจริงอาจสูงถึง 2,000 คน ภายในไม่กี่วันข้างหน้า นอกจากนี้ยังพบว่า มีแรงานสัญชาติต่างๆ พยายามที่จะนั่งเรือ และว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเมย เพื่อลักลอบมาขึ้นฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง
“ถือได้ว่านับตั้งแต่ที่ทางการจีนได้เข้าไปปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในจังหวัดเมียวดีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และล่าสุดรอบนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มีทหารเมียนมาเป็นผู้นำในการกวาดล้าง โคยโครงการเคเคปาร์คมี พันตรีซอ ติ่น ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 นายทหารคนสนิทของพลตรีซอ ชิตตู่ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) เป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว”
แหล่งข่าวจากชายแดนจังหวัดตาก ระบุว่า ใน 2-3 วันนี้ ทหารเมียนมาได้เข้าปฏิบัติการสู้รบ และยึดพื้นที่เมืองเลเกก่อ ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการเคเคปาร์ค โดยไม่ได้จับหรือควบคุมตัวแรงงาน แต่เปิดประตูให้ออกไปนอกพื้นที่
“หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อลดแรงกดดันจากนานาประเทศ และสร้างภาพให้เกิดความชอบธรรมว่า ทหารเมียนมา ไม่ได้ละเลยการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์”
ขณะที่แหล่งข่าวเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผูู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานเข้าไปยังทหาร BGF เพื่อเข้าไปช่วยเหลือแรงงาน จำนวน 181 คน ที่ได้ประสานงาน และแจ้งพิกัดคอมพาวด์ทั้ง 33 แห่ง ซึ่งเป็นการทำงานต่อเนื่องมาเป็นปีแล้ว แต่การจะช่วยเหลือแต่ละครั้งนั้น ค่อนข้างยาก เพราะมีหลายสัญชาติ

“ครั้งนี้ยังพบว่า แม้จะมีการปล่อยตัวแรงงานจากโครงการเคเคพาร์ค แต่เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มนายทุนจีนนำแรงงานไปหลบกระจายตัวไว้ในบ้านเช่าหลายแห่ง และไม่ยอมปล่อยตัวจนกว่าจะมีการจ่ายค่าหัวคืน”
“อยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เร่งช่วยเหลือให้แรงงานเหล่านี้ได้พ้นออกจากแหล่งอาชญากรรม เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่บังคับทำงานหลอกลวงคนอื่น แต่ยังมีการทารุณทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งตามข้อมูลพบว่า มาตรการ3 ตัด ไม่ได้มีผลต่อการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์แต่อย่างใด ทุกอย่างยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่ผ่านมา เหยื่อและผู้สมัครใจ เมื่อถูกส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย แต่กลับไม่เข้าสู่กระบวนการ National Referral Mechanism ทำให้เสียโอกาสในการขยายผลไปปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ”
ขณะเดียวที่ สวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ผู้นำทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการควบคุมตัวกลุ่มบุคคลต่างชาติ 91 คน เผย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมแรงงานต่างชาติ 91 คน (เป็นชาย 81คน หญิง 10 คน) ที่ข้ามแม่น้ำเมยเข้ามา ส่งต่อให้ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก (ตม.) และ ร้อย ตชด.346 เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง NRM ตามกฎหมาย พร้อมเตรียมขยายพื้นที่ควบคุมตัวเพิ่มเติม หลังคาดว่า จะมีแรงงานในพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษเคเคปาร์ค หลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยเพิ่มขึ้น
ในส่วนของ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชายแดน ประเมินว่า การกวาดล้างครั้งนี้จะกระทบต่อสภาพคล่องและเงินหมุนเวียนฝั่งเมียวดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจสร้างโอกาสให้ฝั่งไทย โดยเฉพาะ แม่สอด-เมียวดี ที่เป็นจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ในกรอบความร่วมมือ ACMECS และ เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก หากมีการบริหารจัดการแรงงานและการค้าอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ภาคประชาสังคมเตือนว่า แม้การกวาดล้างจะช่วยลดอาชญากรรมไซเบอร์ แต่ยังต้องจับตาการค้ามนุษย์และการหลบหนีเข้าเมืองที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่นและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาในระยะต่อไป



