ว่ากันด้วยเรื่องสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ที่ต้องบอกว่า จับทิศทางยาก เวที INTANIA DINNER TALK 2022 งานที่จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเต็มไปด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งจากภาครัฐ และเอกชน จึงมาให้มุมมองเศรษฐกิจแบบเป็นกันเอง ภายใต้การเสวนาในหัวข้อ ‘ความยั่งยืน 3 มุมมอง Survive or Sustain’
โดยงานนี้ แม้จะเป็นไปเพื่อสนับสนุนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสังคมในด้านวิชาการ วิจัย พัฒนา ยกระดับคุณภาพ ทางการศึกษา รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งในด้านกิจกรรมทาง การศึกษาและเพื่อช่วยเหลือสังคม แต่ก็มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ประธานเปิดงาน’
โดยงานนี้ แม้จะเป็นไปเพื่อสนับสนุนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสังคมในด้านวิชาการ วิจัย พัฒนา ยกระดับคุณภาพ ทางการศึกษา รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งในด้านกิจกรรมทาง การศึกษาและเพื่อช่วยเหลือสังคม แต่ก็มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ประธานเปิดงาน’

สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นทั้งประธานเปิดงาน และเป็นศิษย์เก่านิสิตวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์ฯ เผย หัวข้อของงานครั้งนี้ ‘Survive or Sustain’ หรือคือการ ‘อยู่รอด หรือ ยั่งยืน’ น่าสนใจ สังคมทุกวันนี้พูดคำว่า ‘ความยั่งยืน’ กันทุกวัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกฝ่ายต่างก็เร่งทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจต้องผจญปัจจัยลบรอบด้านและคาดเดายากดังเช่นทุกวันนี้ นี่จึงเป็นเส้นบางๆ ระหว่าง ‘ยั่งยืน หรือ อยู่รอด’ เป็นที่มาให้เวที INTANIA Dinner Talk 2022 คัดเลือก วิทยากร 3 ที่มีความเป็น ‘ที่สุด’ มาสะท้อนมุมมองอย่างน่าสนใจ

สารัชถ์ สร้าง growth โดยการทำให้ตัวเองเป็น global company
สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนมุมมอง ความยั่งยืนในภาคธุรกิจว่า จะต้องมีการปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันและปัญหาอุปสรรค ซึ่งกัลฟ์ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ พบว่า มีปัญหาเยอะมาก แต่ก็พยายามปรับตัวรับทุกปัญหาอุปสรรค์ที่เกิดขึ้นโควิด เป็นช่วงเวลายากลำบาก กัลฟ์ขยายธุรกิจหลายด้านเพื่อปรับตัวรับความเสี่ยง หาโอกาสลงทุนในธุรกิจต่างๆ ให้ครอบคลุม ทั้งพลังงาน คริบโท และสื่อสาร เพราะคิดว่า ดาวเทียมเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน มีผลในเรื่องของ data analysis ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องเอื้อต่อการขยายธุรกิจได้อีก
สารัชถ์ ยังเชื่อว่า นักธุรกิจต่างชาติอยากลงทุนไทย แต่ด้วยกฎระเบียบของภาครัฐที่ยังไม่เกื้อหนุน ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ผ่อนคลายกฎระเบียบในการปล่อยกู้ จึงเป็นจุดอ่อน ทำให้บริษัทไทยไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้

ผู้บริหาร SCG ชี้ เงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือน ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทย
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ชี้ถึงภาพประเทศไทย ที่เมื่อคลายโควิด มีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้คาดว่า ปี 2023 จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มถึง 20 ล้านคน สิ่งนี้อาจทำให้ใครหลายคนมองว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีความย้อนแย้งเกิดขึ้น เพราะขณะนี้ไทยยังมีปัญหาเงินเฟ้อ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังเพิ่มขึ้น 90% ของ จีดีพี เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคตที่ทุกคนต้องเตรียมรับมือในส่วนของ SCG ยอมรับว่า ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงาน แต่บริษัทได้มีการปรับตัวด้วยการลดต้นทุน ลดพลังงาน โดยที่การดำเนินธุรกิจบริษัทยังเดินหน้ารุกธุรกิจพลังงานและเทคโนโลยี โดยส่วนตัว มองว่า หลังยุคสถานการณ์โควิด-19 โลกจะมีความหลายมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ต้องปรับตัวเร็ว ต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ต้องเฟ้นต้องสร้างคนเก่งเข้ามาทำงาน เนื่องจากขณะนี้ ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนวัยทำงานลดลง ทำให้ความสามารถด้านการแข่งขันลดลง ขณะที่ต่างชาติ อย่างเช่นเวียดนาม ที่มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างเต็มที่ ดังนั้น ไทยต้องเตรียมรับมือเรื่องนี้
“ยุทธวิธีแบบเกมฟุตบอลที่ต้องมีทั้ง Defense และ Offense จังหวะนี้เป็นจังหวะรับ ปีหน้าต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยลุยต่อในช่วงที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมฟุตบอลคือ ‘ตัวผู้เล่น’ (People First) ทำอย่างไรถึงจะรักษา Talent ไว้ให้อยู่กับองค์กรได้” รุ่งโรจน์ กล่าว

ผู้ว่าฯ กทม. หนุนรากหญ้า – พัฒนาคน
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ถ้า คำว่า Sustainability ในมุมมองของตน ประกอบด้วย การไม่เบียดเบียนทรัพยากรของคนอนาคต ตอนนี้เรากำลังอยู่ในเส้นทางที่ผิด คนยุคปัจจุบันเอาทรัพยากรของคนอนาคตมาใช้ และเรากำลังปล่อยให้คนรุ่นใหม่เผชิญกับสภาวะโลกร้อน อากาศเป็นพิษ จากฝีมือการใช้ทรัพยากรของคนรุ่นก่อน และหากยังไม่เลิกเบียดเบียนทรัพยากรของคนในอนาคตมาใช้ในปัจจุบัน การพัฒนาและความยั่งยืนเกิดขึ้นได้ยากคนกรุงเทพไม่เคยมีโอกาสได้เป็นเจ้าของของ กทม. เอง ที่ผ่านมา กทม.เน้นทำแต่โครงการใหญ่มูลค่ามหาศาล พัฒนาเชิงโครงสร้างของเมืองในด้านต่างๆ มากมาย แต่เด็ก-คนชรา ยังมีสวัสดิภาพไม่ดี เด็กในศูนย์ดูแลเด็กเล็กตามชุมชนต่างๆ ยังรับค่าอาหารหัวละ 20 บาท อาสาสมัครดูแลเด็กไม่เคยได้รับการปรับเงินเดือนและสวัสดิการ ย้อนแย้งกับทิศทางการพัฒนาโดยสิ้นเชิง เพราะเมืองเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘คนที่อาศัยในเมือง’ ต่างหาก ที่ต้องได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งตนพยายามผลักดันเรื่องชุมชนรากหญ้าหรือเส้นเลือดฝอยตลอดมา เพราะเป็นความยั่งยืนของเมืองจริงๆ
ทั้งนี้ เมืองจะยั่งยืนได้ รัฐต้องเป็นที่ไว้ใจของประชาชน ส่วนตัวสนับสนุนประชาชนในวัยเด็กและวัยชราอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต หลังปัจจุบันคนรุ่นใหม่ ‘ไม่กล้ามีลูก’ แล้ว เนื่องจากไม่ไว้ใจสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจ อนาคตเมืองจะมีแต่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แล้วจะพัฒนาต่อไปอย่างไร ดังนั้น ขณะที่การพัฒนาเชิงโครงสร้างต่างๆ ของเมืองดำเนินไป อย่าลืมพัฒนาเด็กและเยาวชนคนรากหญ้าในชุมชนด้วย เพราะนี่คือคนส่วนใหญ่ เป็นหัวใจของความยั่งยืน
