วิเคราะห์: สัญญาณพักฐานแรง หลังขึ้นยาวแตะจุดสูงสุดต่อเนื่อง – จับตาเฟดและเงินดอลลาร์สัปดาห์นี้
ราคาทองคำร่วงลงแรงทั่วโลกและในประเทศ สะท้อนแรงเทขายทำกำไรหลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการลดดอกเบี้ย
ราคาทองคำโลก (Gold Spot)
สถานการณ์ราคาทองคำโลก (22 ตุลาคม 2568) ราคาทองคำ Spot ร่วงลงกว่า 200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับ 4,103 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลงแรงที่สุดในรอบหลายปี หลังจากขึ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
นักวิเคราะห์มองว่า แรงเทขายมาจาก “การทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น” หลังราคาทองทะยานต่อเนื่องกว่า 600 ดอลลาร์ในช่วง 3 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) กลับมาแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน สร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ราคาทองคำในประเทศ
สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทองคำในประเทศวันนี้ (22 ต.ค. 2568) ปรับลดลง 2,500 บาท ต่อบาททองคำ จากราคาปิดเมื่อวาน โดย
ทองคำแท่ง รับซื้อที่ 63,650 บาท ขายออกที่ 63,750 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 62,383.40 บาท ขายออกที่ 64,550 บาท
ถือเป็นการร่วงแรงที่สุดในรอบปี หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม ราคาทองคำในประเทศเคยพุ่งขึ้นกว่า 1,100 บาท ในรอบเช้า สู่ระดับสูงสุด 67,100 บาท
มุมมองนักวิเคราะห์
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า ราคาทองคำโลกปรับตัวลดลงแรงกว่า 230.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังนักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง ขานรับสัญญาณบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ภายหลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าที “อ่อนข้อ” ต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ ขณะที่มีสัญญาณว่า “ชัตดาวน์สหรัฐฯ” อาจใกล้สิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้
ด้านภาคธุรกิจสหรัฐฯ ก็มีแรงหนุนจากข่าวดีเช่นกัน โดย เจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ปรับลดประมาณการผลกระทบจากภาษีทรัมป์ในปี 2568 เหลือเพียง 3.5–4.5 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้สูงกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีอาจอยู่ในกรอบจำกัดมากกว่าที่ประเมินไว้
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ หลัง นายคริส ไรต์ รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พนักงานกว่า 1,400 คนของสำนักงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA) ถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่รับค่าจ้าง จากผลพวงของภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 1,058.66 ตัน
มุมมองทางเทคนิค
ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ว่า กราฟราคาทองคำโลกในกรอบ 4 ชั่วโมง “เสียทรงขาขึ้น” และอยู่ในช่วงการปรับฐาน โดยประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ระดับ 4,040 และ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,140 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดระดับ 4,000 ดอลลาร์ อาจมีแรงขายต่อเนื่องลงสู่แนวรับถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน
ฮั่วเซ่งเฮงแนะนำให้นักลงทุน “ใช้จังหวะย่อตัวทยอยสะสม” เมื่อราคาทองคำปรับลงใกล้แนวรับ 4,040 ดอลลาร์ และทยอยขายทำกำไรหากราคาขึ้นแตะระดับแนวต้าน 4,140 ดอลลาร์ ขณะที่ในกรณีราคาหลุด 4,000 ดอลลาร์ ควร “ขายตัดขาดทุน” เพื่อจำกัดความเสี่ยง
สำหรับ ทองคำในประเทศ (96.5%) ราคายังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดโลก โดยได้รับแรงพยุงบางส่วนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลยุทธ์แนะนำให้ทยอยสะสมบริเวณแนวรับ 62,900 บาทต่อบาททองคำ และขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 63,900 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับ 62,650 บาท ให้ขายเพื่อตัดขาดทุน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้
• 13.00 น. (ตามเวลาไทย): สหราชอาณาจักรเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายน เทียบรายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดใช้ประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษ


