ฮั่วเซ่งเฮงเปิดเผยบทวิเคราะห์ถึงราคาทองคำโลกที่ยังคงพุ่งต่อจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้า ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มอ่อนแรง และเฟดมีโอกาส “ตรึง” ดอกเบี้ยจากมติที่แตกเป็นสองฝ่าย
ภาพรวมปัจจัยหนุน–กดดันทองคำ
Gold Bullish
• ความตึงเครียด ไต้หวัน–ญี่ปุ่น ลามกระทบความสัมพันธ์ จีน–สหรัฐฯ
• การเจรจาการค้า สหรัฐฯ–EU ยังไร้ข้อสรุป
• รายชื่อผู้ชิงตำแหน่ง ประธานเฟดคนใหม่ 5 คน อาจทำให้เกิด “Shadow Fed”
• บริษัทเอกชนสหรัฐฯ ทยอยปลดพนักงานจำนวนมาก
• แนวโน้มตลาดแรงงานอ่อนแรง จากการกดดันแรงงานผู้อพยพ
Gold Bearish
• ความไม่แน่นอนของเฟด หากกรรมการ เสียง 6:6 อาจชี้ไปที่ “ตรึงดอกเบี้ย”
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดทอง
1) ไต้หวัน–ญี่ปุ่นปะทุ ความเสี่ยงลามสู่จีน–สหรัฐฯ
หลังการโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์–สี จิ้นผิง และทรัมป์–ซานาเอะ ทาคาอิจิ ความสัมพันธ์จีน–ญี่ปุ่นเริ่มตึงตัว จีนออกมาตรการตอบโต้หลายด้าน ทั้งจำกัดนำเข้าอาหารทะเล ห้ามฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่น และเพิ่มการลาดตระเวนในทะเลจีนตะวันออก
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติชุดอาวุธ 330 ล้านดอลลาร์แก่ไต้หวัน ทำให้จีนยกระดับความไม่พอใจ
สถานการณ์นี้สร้างความเสี่ยงต่อ “ข้อตกลงสงบศึกทางการค้า” ระหว่างสหรัฐฯ–จีน และเป็นบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
2) สหรัฐฯ–EU เจรจาการค้ายังตัน
EU กดดันสหรัฐฯ ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเดือนกรกฎาคม แต่สหรัฐฯ ยังเรียกเก็บภาษีเหล็กและสินค้าโลหะจำนวนมากกว่า 400 รายการ
การชะลอการลดกำแพงภาษีของ EU ไปถึงปี 2026 เพิ่มความไม่พอใจของสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่การตั้งกำแพงภาษีใหม่ในหมวดรถบรรทุก เครื่องบิน แร่ธาตุ และกังหันลม ความเสี่ยงด้านการค้าดังกล่าวช่วยหนุนราคาทอง
3) ตัวเต็งประธานเฟดคนใหม่ 5 รายชื่อ – ความเสี่ยง “Shadow Fed”
ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานเฟด ได้แก่
วอลเลอร์ / เควิน แฮสเซตต์ / เควิน วอร์ช / มิเชล โบว์แมน / ริก รีเดอร์
โดยแฮสเซตต์ส่งสัญญาณชัดว่าอยากให้เฟดลดดอกเบี้ยแรงถึง -0.50%
ตลาดจึงกังวลว่า “ว่าที่ประธานเฟด” อาจมีอิทธิพลต่อนโยบายก่อนเข้ารับตำแหน่งจริง ทำให้ดอลลาร์อ่อน และเป็นบวกต่อทองคำ
4) เอกชนสหรัฐฯ ทยอยปลดคน – ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแรง
หลายบริษัทประกาศปลดพนักงานวงกว้าง เช่น HP, Verizon, P&G, GM, Amazon, Target พร้อมกันนั้น นโยบายตรวจสอบผู้อพยพและความเป็นไปได้ในการระงับใบเขียว ทำให้กำลังแรงงานอาจตึงตัวกว่าเดิม ตลาดแรงงานที่อ่อนแอเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย หนุนราคาทองคำ
5) เฟดเสียงแตก 6:6 – ความไม่แน่นอนสูง
คณะกรรมการเฟดแบ่งเป็น 2 ฝ่าย
• ฝ่าย “ลดดอกเบี้ย 0.25%” : เพราะตลาดแรงงานอ่อนแอ
• ฝ่าย “ตรึงดอกเบี้ย” : เพราะเงินเฟ้อยังสูงและผลจากภาษีทรัมป์อาจยืดเยื้อ ความไม่แน่นอนครั้งนี้ เพิ่มความผันผวนให้ตลาดทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า
• PMI ภาคการผลิต/บริการ (ISM) – พ.ย.
• การจ้างงานเอกชน ADP – พ.ย.
• ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
• Core PCE เดือน ก.ย. (ดัชนีเงินเฟ้อที่เฟดจับตา)
แนวโน้มราคาทองคำ
ราคาทองคำยังเคลื่อนในรูปแบบ Expanding Triangle สะท้อนภาวะฟื้นตัวต่อเนื่อง
• แนวต้าน : 4,300 / 4,375 ดอลลาร์
• แนวรับ : 4,100 / 4,020 ดอลลาร์
ทองคำแท่งในประเทศ
แนะนำทยอยสะสมใกล้ 62,450 บาท
• Cut loss : 61,500 บาท
• แนวต้าน : 64,800 / 66,100 บาท
อัปเดตราคาทองคำล่าสุด (1 ธ.ค. 2568)
เวลา 09:34 น.
• ทองคำแท่งรับซื้อ: 64,350 บาท
• ทองคำแท่งขายออก: 64,450 บาท
• ทองรูปพรรณขายออก: 65,250 บาท
• Gold Spot: 4,238.50 ดอลลาร์ (จากข้อมูลรายรอบ)
• ราคาทองโลกล่าสุด: 4,272.30 ดอลลาร์ +17.40 (+0.41%)
ค่าเงินบาท: 32.14 บาท/ดอลลาร์


